“COP29“ เผชิญวิกฤตท่ามกลางปีแห่งความขัดแย้ง-การเมืองล้มเหลว

16 พ.ย. 2567 | 10:46 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ย. 2567 | 11:05 น.

การประชุม “COP29” ในอาเซอร์ไบจานเผชิญความท้าทายทางการเมืองและภูมิอากาศ ขณะที่ความหวังในข้อตกลงด้านการเงินยังคงเลือนราง

การประชุม COP29 หรือการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจานในปีนี้เผชิญความท้าทายหนักหน่วงและได้กลายเป็นเวทีแห่งความผิดหวังสำหรับนักเจรจาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่คาดหวังให้เกิดความก้าวหน้าในการแก้ไขวิกฤตโลกร้อน

เป้าหมายหลักของการประชุมในครั้งนี้คือการกำหนดข้อตกลงด้านการเงินที่จะช่วยสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เป้าหมายนี้ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายทั้งจากการบริหารจัดการของประเทศเจ้าภาพและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียด

ประธานาธิบดีอิลฮัม อาลิเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน ประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ ได้แสดงท่าทีเผชิญหน้าต่อประเทศตะวันตกอย่างชัดเจน โดยกล่าวหาสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปว่าเป็น "ผู้เสแสร้งด้านสภาพภูมิอากาศ" ท่าทีดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างบรรยากาศที่ไม่พึงประสงค์สำหรับการเจรจา แต่ยังทำให้รัฐมนตรีด้านสภาพภูมิอากาศของฝรั่งเศสยกเลิกการเข้าร่วมประชุมด้วย

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การประชุมในครั้งนี้ไร้แรงผลักดัน คือการขาดการสนับสนุนจากผู้นำระดับโลก หลายประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐฯ จีน และอินเดีย ไม่ได้ส่งผู้นำระดับสูงเข้าร่วม นอกจากนี้ การกลับมาของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สร้างความกังวลในหมู่ผู้เจรจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนโยบายต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเขา

สถานการณ์ในปีนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอำนาจต่อรองของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่มีบทบาทในการขัดขวางการเจรจาเรื่องการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล กลุ่มล็อบบี้จากอุตสาหกรรมน้ำมันเข้าร่วมการประชุมด้วยจำนวนมาก โดยมีตัวแทนจากบริษัทน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกับเป้าหมายของ COP

แม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะมีจุดเด่นเพียงเล็กน้อยจากการบรรลุกรอบตลาดคาร์บอนโลก แต่ในภาพรวม กระบวนการเจรจากลับเผชิญกับการล่าช้าและความขัดแย้ง การเจรจาด้านการเงินยังคงติดขัดในประเด็นสำคัญ เช่น จำนวนเงินสนับสนุนที่ต้องจัดสรร และประเทศผู้สนับสนุน

ตัวแทนจากหลายประเทศแสดงความผิดหวังต่อสถานการณ์นี้ โดยระบุว่ากระบวนการ COP ในปัจจุบันไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับที่จำเป็นเพื่อหยุดยั้งวิกฤตภูมิอากาศได้เร็วพอ นักวิชาการจากปานามายังได้กล่าวถึงความสูญเสียที่ประชาชนต้องเผชิญจากน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นและไฟป่าที่ลุกลาม ขณะที่ผู้แทนจากประเทศยากจนเช่นยูกันดากล่าวถึงความลำบากในการเข้าถึงเงินทุนเพื่อโครงการพลังงานสะอาด

ในอีกมุมหนึ่ง ผู้นำภาคธุรกิจระดับโลกได้เรียกร้องให้ G20 ส่งสัญญาณชัดเจนในเรื่องการสนับสนุนด้านการเงินและการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด โดยระบุว่าความล่าช้าใน COP29 อาจกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการลงทุนในอนาคต

ในท้ายที่สุด การประชุม COP29 ได้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการเจรจาสภาพภูมิอากาศที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และนโยบาย แต่ยังผูกพันลึกซึ้งกับความขัดแย้งทางการเมืองและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง

 

ที่มาข้อมูล: Reuters