เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท. เร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการของท่าเรือระนอง (ทรน.) ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 12,000 DWT ทั้ง 2 ท่าเทียบเรือ เป็นการยกระดับการให้บริการตามนโยบายของรัฐบาล ในการผลักดันโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) เชื่อมโยงการขนส่งทางน้ำ ถนน และรางระหว่างฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทยจาก ทรน. กับท่าเรือชุมพร และท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าของประเทศพัฒนา ให้ ทรน. เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าฝั่งทะเลอันดามันเชื่อมโยงไปยังประเทศในกลุ่ม BIMSTEC ได้แก่ บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย เมียนมา เนปาล ภูฏาน และไทย การพัฒนาศักยภาพ ทรน. ในวงเงินรวม 41.8 ล้านบาท เป็นการปรับปรุงโครงสร้างท่าเทียบเรือ 1 และ 2 ให้มีความปลอดภัย และให้ท่าเทียบเรือที่ 1 สามารถรองรับเรือบรรทุกสินค้าได้เท่ากับท่าเทียบเรือที่ 2
อ่านข่าว “คมนาคม” เร่งศึกษากฎหมาย “อู่เรือยูนิไทย” เหตุผิดสัญญา
อ่านข่าว กทท. แจงค่าภาระท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ทลฉ. เป็นธรรมและสะท้อนต้นทุน
สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างบริเวณท่าเรือระนองนั้น แบ่งออกเป็นงานปรับปรุงท่าเทียบเรือที่ 1 ความยาวหน้าท่า 130 เมตร พร้อมติดตั้งยางรองรับแรงกระแทกท่าเทียบเรือที่ 1 ขนาด 800H-2500L (Arch Fender) จำนวน 35 ชุด ให้สามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 12,000 DWT งานปรับปรุงท่าเทียบเรือที่ 2 ความยาวหน้าท่าเทียบเรือ 150 เมตร และซ่อมแซมยางรองรับการกระแทกท่าเทียบเรือที่ 2 จำนวน 2 ชุด รองรับเรือสินค้าขนาด 12,000 DWT รองรับการใช้งานเครนขนาด 65.3 ตัน สะพานทางเข้าท่าเทียบเรือที่ 1 และ 2 สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุกกึ่งพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ ได้
นอกจากนี้ กทท. กำลังดำเนินการจ้างที่ปรึกษาออกแบบ (Detail Design) และศึกษาผลกระทบในการทำพื้นที่วางตู้สินค้าเพิ่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564