ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสูงสุดรอบ 100ปี ประเทศไหนอ่วมสุด

03 เม.ย. 2568 | 11:38 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2568 | 11:47 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ จีนอ่วมสุด จากสงครามการค้าสหรัฐฯ เจอทรัมป์ปรับภาษีนำเข้ารวม 75% ขณะที่กัมพูชาเจอภาษีตอบโตถึง 49%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า จากการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อตอบโตทางการค้า พบว่าจีนได้รับผลกระทบหนักสุด จากอัตราภาษี Reciprocal Tariff ที่ 34% บวกอัตราภาษีเดิมที่ 20% 

ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสูงสุดรอบ 100ปี  ประเทศไหนอ่วมสุด

ทำให้จีนต้องเผชิญอัตราภาษีรวมกว่า 54% และเมื่อรวมกับการปรับขึ้นภาษี ในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก หรือ Trump 1.0 จีนจะถูกการจัดเก็บภาษีนำเข้าถึง 75% มากที่สุดในโลก

ตามด้วย ประเทศกัมพูชา ที่ถูกจัดเก็บตอบโต้ในครั้งนี้ถึง 49%  ลาว 48%

ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐในอัตรา 37% จะมีผลกระทบต่อ จีดีพีของไทย 1% ส่งผลให้ประมาณการขยายตัวของจีดีพีไทยปี 2568 เหลือเพียง 1.4% จากประมาณการเดิม 2.4% 

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)กล่าวว่า ผลกระทบจากการขึ้นภาษีของนายนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์  ภายในสหรัฐอเมริการ ระยะสั้น(1-2 เดือน) อัตราเงินเฟ้อจะสูง จะเกิดการหดตัว  ปริมาณสินค้าในระบบ รวมทั้งกำลังซื้อประชาชนลดลง เนื่องจากรายได้แท้จริงลดลง ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้จริงสูงขึ้น และมูลค่าในตลาดหุ้นลดลง

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

ทางที่จะบรรเทาคือ การลดภาษีภายในประเทศ และการลดราคาน้ำมัน ( เร่งผลิตพลังงาน) ขณะที่จุดเปลี่ยนสู่ระยะปานกลาง ต้องใช้เวลา 8-12 เดือน กว่าที่จะเกิดการผลิตทดแทนการนำเข้าอย่างที่ตั้งใจไว้

ส่วนผลประทบโลกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกสินค้าของทุกประเทศจะลดลง จีดีพีหดตัว และ จีดีพีโลกจะลดลงในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตที่อัตราภาษีการตอบโต้ของสหรัฐฯ สำหรับกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาหรือพัฒนาน้อยที่สุดหรือ LDCS สูงกว่า DCs และแม้แต่จีนมาก ผลกระทบต่อ LDC ก็เช่นกัน (ลาว 48% ไทย 36% จีน 34% EU 20%) ดังนั้น ต้องระวังความไม่สมดุลของภาวะเศรษฐกิจมหภาคใน LDC โดยเฉพาะเศรษฐกิจขนาดเล็กที่พึ่งพารายได้การส่งออก

คาดว่าจะมีการไหลล้นของสินค้าส่วนเกิน (เช่นจากจีน อินเดียและสหภาพยุโรป)ที่เคยส่งไปสหรัฐอเมริกาส่งไปยังประเทศ อื่น ๆ ทั้งในปริมาณการส่งออกที่มากในราคาถูก (Beggar Thy Neighbor) ซึ่งอาจเกิดการตอบโต้ป้องกันการไหลป่าของสิน ค้านำเข้าในประเทศนอกสหรัฐอเมริกากันเอง

สำหรับการตอบโต้  อย่างน้อยที่สุด คงมีการคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของสหรัฐ (Teslaและอื่น ๆ) อย่างดุเดือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน อินเดีย สหภาพยุโรปและอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบ

ประเทศนอกสหรัฐอเมริกา จะมองหาทางออกในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง การค้าในภูมิภาค เช่น AFTA RCEP ในขณะที่เวทีเอเชีย-แปซิฟิก ที่สหรัฐจัดตั้งไว้จะหมดบทบาท 

จีนและสมาชิกบริกส์จะผลักดันอย่างหนักเพื่อเป็นทางเลือกในการตอบโต้การตอบโต้ทางภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ในระดับโลก WTO ที่ไม่นับรวม USA อาจเป็นทางเลือกให้กลไกการกำกับดูแลการค้าโลก เดินต่อได้ ซึ่งจะช่วยกำกับดูแลการค้าเพื่อการพัฒนา (ไม่ใช่การค้าเสรี)ของ 85% การค้าโลก ในแบบของ WTO ที่แม่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นทางเลือกที่พอทำได้เร็ว