นายสุชีพ สุขสว่าง วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมเพื่อประเมินความสนใจเบื้องต้นของภาคเอกชน (มาร์เก็ต ซาวดิ้ง) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 2 ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด ขณะนี้ทาง รฟท.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมเศรษฐกิจ สังคม การเงิน แนวทางการลงทุนที่เหมาะสม ออกแบบและประมาณราคาค่าก่อสร้างเบื้องต้น และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในโครงการดังกล่าว เพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการจัดตั้งระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านการเดินทางและการขนส่งสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เฟส 2 ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด มีจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 1 ฝั่งตะวันออกของสนามบินอู่ตะเภาผ่านสถานีรถไฟบ้านฉาง เข้าสู่สถานีระยอง ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 3574 (ระยอง-บ้านค่าย) ห่างจากสี่แยกเกาะกลอยประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งหน้าสู่อำเภอแกลงเข้าสู่สถานีเกลงซึ่งตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ห่างจากสามแยกแกลงประมาณ 2 กิโลเมตร วิ่งตามแนวเส้นทางรถไฟทางคู่บางช่วง ผ่านอำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ เข้าสู่สถานีจันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณแยกเขาไร่ยา อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอมะขาม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เข้าอำเภอเขาสมิง และมาสิ้นสุดโครงการบริเวณสถานีตราด ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคบนทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ห่างจากสามแยกตราดประมาณ 2 กิโลเมตร รวมเส้นทางประมาณ 190 กิโลเมตร
อ่านข่าว รฟท.ลุยไฮสปีด‘อีสาน-อีอีซี’3แสนล้าน
อ่านข่าว นิคมกรีนอุดรฯ เล็งดึงทุนญี่ปุ่น-จีน รับไฮสปีด-ระเบียงเศรษฐกิจอีสาน
ขณะเดียวกันจากผลการศึกษาพาก่อสร้างสถานีระยองแกลง จันทบุรีและตราด แล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการภายในปี 2571 จะมีผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) 5.39% ส่วนรูปแบบการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้นเบื้องต้นจะเสนอรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและ เอกชนแบบ ppp Net cost โดยเสนอเป็น 3 แนวทางเลือกคือแบบที่ 1 ประชาชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดทั้งงานโยธางานระบบขบวนรถและงาน (Operation&Maintenance) โดยภาครัฐเป็นผู้จัดหาที่ดิน แบบที่ 2 เอกชนเป็นผู้ดำเนินงานเฉพาะงานระบบและตัวรถ (Operation&Maintenance) โดยภาครัฐเป็นผู้จัดหาที่ดินและงานโยธา และแบบที่ 3 เอกชนเป็นผู้ดำเนินการเฉพาะงาน (Operation&Maintenance) โดยภาครัฐเป็นผู้จัดหาที่ดิน งานโยธา งานระบบ และขบวนรถ
ทั้งนี้คาดว่าหลังจากเปิดให้บริการภายในปี 2571 อัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ 95 บาท (ค่าแรกเข้า) +2.1 บาทต่อกิโลเมตร ส่วนแผนการดำเนินโครงการ จะศึกษาเบื้องต้นแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2563 หลังจากนั้นจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติภายในปี 2564 และจัดเตรียมเอกสารการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (พีพีพี) ภายในปี 2565 และหาผู้ลงทุนออกแบบและก่อสร้าง ภายในปี 2567 รวมทั้งทดสอบระบบ ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปี 2571