นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 10 เดือน ของปี 2563 (มกราคม – ตุลาคม) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 13% โดยกลุ่มเบนซิน ลดลง 2.4% กลุ่มดีเซล ลดลง 3.6% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 60% น้ำมันเตา ลดลง 15.5% น้ำมันก๊าด ลดลง 12.0% LPG ลดลง 14.6% และ NGV ลดลง 29.5% โดยสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19)
อย่างไรก็ดี นโยบายภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.3 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 2.4% โดยการใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.8 ล้านลิตร/วัน ลดลง 17.6% และกลุ่มแก๊สโซฮอล์ปริมาณการใช้ลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 30.5 ล้านลิตร/วัน ลดลง 1.9%
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแยกชนิดน้ำมัน พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้ลดลงมากที่สุดโดยลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.9 ล้านลิตร/วัน ลดลง 29.2% รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.2 ล้านลิตร/วัน 14.1% และแก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 6.4 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.3% ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 15.0 ล้านลิตร/วัน ลดลง 8.3%
การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 64.6 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 3.6% โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 มีปริมาณการใช้ลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 44.0 ล้านลิตร/วัน ลดลง 27% น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 14.7 ล้านลิตร/วัน (เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.9 ล้านลิตร/วัน โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดามีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากนโยบายของภาครัฐ
ส่วนการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 7.6 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 60% เนื่องด้วยสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ภาครัฐยังคงมีมาตรการควบคุมและอนุญาตให้บุคคลเฉพาะกลุ่มเดินทางเข้าออกประเทศ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไม่มากนัก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่าความต้องการใช้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องด้วยการท่องเที่ยวภายในประเทศฟื้นตัวจากช่วงวันหยุดยาวที่รัฐบาลประกาศเพิ่มเติม และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว
ขณะที่การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 15.3 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 14.6% โดยปริมาณการใช้ในภาคขนส่งลดลงมากที่สุด โดยมีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.0 ล้านกก./วัน ลดลง 27.7% รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี ซึ่งมีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 6.1 ล้านกก./วัน ลดลง 18.5% ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6 ล้านกก./วัน ลดลง 8.8% และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดโดยการใช้อยู่ที่ 5.5 ล้านกก./วัน ลดลง 5.2%
ด้านการใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 3.8 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 29.5% สอดคล้องกับจำนวนรถยนต์ที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงลดลง โดยการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 886,172 บาร์เรล/วัน ลดลง 8% ซึ่งปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 850,397 บาร์เรล/วัน ลดลง 2.1% คิดเป็นมูลค่า 37,741 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นผลจากการลดลงทั้งปริมาณนำเข้า และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และสำหรับน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 35,775 บาร์เรล/วัน ลดลง 62% คิดเป็นมูลค่านำเข้ารวม 1,655 ล้านบาท/เดือน
“การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและน้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 187,380 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 12.9% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 8,308 ล้านบาท/เดือน ลดลง 25.8% ซึ่งลดลงโดยเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง”