นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้บริษัทและบริษัทย่อยเข้าซื้อหุ้นสามัญ 100% ของ บริษัท INT Energy Pte. Ltd. (INT) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ จังหวัด Tay Ninh ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งถือโดยบริษัท Tan Chau Energy Joint Stock Company (TCE) ด้วยมูลค่าการลงทุนโครงการ 1,471,097,980 บาท นั้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท ไบร์ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด บริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าทำรายการลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยเข้าถือหุ้นในโครงการฯ คิดเป็น 99.90% โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff ที่ 0.0709 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 20 ปี โดยได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“GUNKUL” คว้างานโซลาร์รูฟ 932.4 กิโลวัตต์
“GUNKUL” ใช้เทคโนโลยีผสานนวัตกรรมด้านพลังงานขยายพอร์ตโซลาร์ฟาร์ม
บอร์ด “GUNKUL” ไฟเขียวตั้งบริษัทย่อยรุกตลาดอุปกรณ์พลังงาน
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท INT นั้น เพื่อการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการมีจำนวนเมกะวัตต์สะสมเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำ และมีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งบริษัทฯ เล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานต่ำ ตลอดจนสามารถสร้างแหล่งที่มาของรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามรวม 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 160 MW โดยปีนี้บริษัทฯ ได้ใช้งบลงทุนไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมองโอกาสในการลงทุนในเวียดนามเพิ่มในปี 2564
“คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ประเมินถึงพื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผลตอบแทนการลงทุน ผลการเข้าศึกษาทางด้านเทคนิค กฎหมาย บัญชี และการเงินแล้ว เห็นว่าโครงการฯ มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังสามารถสร้างผลตอบแทน อัตราการเติบโตของสินทรัพย์ และผลกำไรให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากโครงการต่อปีประมาณ 180 กว่าล้านบาทตลอดระยะเวลา 20 ปี”