รายงานข่าวระบุว่า ธนาคารโลกได้ดำเนินการวิจัยร่วมกับกรมนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้ชื่อ “ผลิตภาพการผลิตขององค์กรในประเทศไทย (Thailand Manufacturing Firm Productivity)”
นายเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า หากประเทศไทยต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศโดยการเปลี่ยนจากการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้ภายในปี 2580 และฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจของการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) จำเป็นต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างเพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มผลิตภาพการผลิตในกลุ่มองค์กรในภาคการผลิต
ทั้งนี้ จะต้องรักษาอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยในระยะยาวให้ได้มากกว่า 5% ไปจนถึงปี 2568 และเพื่อให้การเติบโตเป็นไปตามเป้านี้ จำเป็นที่จะต้องเพิ่มการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนเกือบสองเท่าของการลงทุนในปัจจุบันให้ถึง 40% ในขณะที่ยังคงรักษาอัตราการเติบโตของผลิตภาพการผลิตรวม (Total Factor Productivity) ซึ่งคล้ายกับกรณีของประเทศเกาหลีใต้ที่ต้องรักษาการเติบโตในอัตรานี้ในช่วงที่มีค่า "จีดีพี" (GDP) ต่อหัวเท่ากับของประเทศไทยในปัจจุบัน
“ในการยกระดับมาตรฐานการครองชีพในประเทศใดก็ตาม ต้องเน้นที่การเพิ่มผลผลิตต่อคน หรือการผลิตสินค้าและบริการให้ได้มากขึ้นตามจำนวนชั่วโมงการทำงานที่กำหนดให้ได้เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งการปฏิรูปโครงสร้างผ่านการส่งเสริมการย้ายแรงงานจากภาคธุรกิจที่มีผลิตภาพต่ำ เช่น ภาคเกษตรกรรม ไปยังภาคธุรกิจที่มีผลิตภาพสูง เช่น ภาคการผลิต นอกจากนี้ การเพิ่มผลิตภาพขององค์กรที่อยู่ในภาคการผลิตจะช่วยสร้างงานและทำให้ประเทศเติบโตแบบมีส่วนร่วมได้ โดยเฉพาะในระยะฟื้นตัวหลังโควิด-19”
เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคารโลก กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผลิตภาพการผลิตของประเทศไทยเติบโตในเกณฑ์ต่ำ ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในภาวะถดถอย การเติบโตของเศรษฐกิจจากระดับเฉลี่ย 4.8% ในปี 2535 – 2551 ลดลงเป็น 3.3% ในปี 2551-2561 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้ปัญหาด้านผลิตภาพการผลิตของประเทศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 เศรษฐกิจจะหดตัวลงประมาณ 6-7% ซึ่งมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบในระยะที่ยาวนานขึ้น รวมถึงผลิตภาพที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
หลังจากวิกฤตการเงินโลก (ปี 2552-2561) ผลิตภาพการผลิตในภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยลดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 2% ในปี 2541-2551 เหลือ 1% ผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรมซึ่งวัดจากมูลค่าเพิ่มต่อคน เติบโตในอัตราเฉลี่ยเพียง 0.5% ในปี 2551-2561 เทียบกับกว่า 3% ในปี 2541-2551
“การเพิ่มผลิตภาพจะเป็นส่วนสำคัญของการปฏิรูปโครงสร้างในระยะยาวของประเทศไทย ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ ผลิตภาพ ที่จะต้องมุ่งเน้นให้เกิดการแข่งขันภายในประเทศมากขึ้น เปิดกว้างต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)มากขึ้น และส่งเสริมระบบนิเวศน์ให้กับองค์กรในการสรรค์สร้างนวัตกรรม”