นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้านโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์เป็น 120 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) ว่า เบื้องต้นกำหนดให้คิกออฟเปิดให้ประชาชนใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม.ต่อชม.ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เนื่องจากเป็นวันสถาปนากระทรวงคมนาคม ในช่องจราจรขวาสุดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงบริเวณหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง กม. ที่ 4+100-50+000 ระยะทางประมาณ 50 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางนำร่องสายแรกในไทย พร้อมกันนี้ในวันดังกล่าวจะประกาศเส้นทางที่จะดำเนินการในระยะที่ 2 ด้วย เบื้องต้นมีระยะทางรวมประมาณ 240 กม. แบ่งเป็น ถนน ทล. 150 กม. และถนน ทช. 90 กม. เช่น ถนนราชพฤกษ์ และถนนชัยพฤกษ์ ทั้งนี้จะใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ซึ่งขณะนี้กองทุนดังกล่าวมีเงินคงเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาขอสนับสนุนเงินจากกองทุนความปลอดภัยทางถนนของต่างประเทศได้หรือไม่ ทั้งในรูปแบบของการขอเงินสนับสนุนแบบให้เปล่า และการกู้ยืมเงิน.
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนเฟสที่ 2 จะให้ประชาชนใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม.ต่อชม.ได้หลังจากคิกออฟเส้นทางนำร่องแล้วประมาณ 2-3 เดือน ทั้งนี้จะมีระยะทางเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องรอกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) วิเคราะห์รายละเอียดในเส้นทางอื่นๆ อีกครั้ง เนื่องจากในการประชุมครั้งนี้มีการเสนอเส้นทางที่มีศักยภาพที่จะสามารถให้ใช้ความเร็ว 120 กม.ต่อชม. เข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยจะเสนอให้กระทรวงคมนาคมทราบก่อนวันที่ 1 เม.ย.นี้
“เราได้เน้นย้ำไปว่าไม่จำเป็นต้องรอให้พร้อม และเปิดให้ใช้ความเร็ว 120 กม.ต่อชม.ทีเดียวพร้อมกันยาวๆ สามารถแบ่งเป็นช่วงๆ ประมาณ 2-3 กม.ได้ ซึ่งตนมองว่าน่าจะทำได้ แต่ต้องติดป้ายแจ้งเตือนความเร็วให้ประชาชนทราบว่าจุดนี้ใช้ความเร็วได้เท่าใด ขณะเดียวกันสำหรับการประกาศให้สามารถใช้ความเร็ว 120 กม.ต่อชม.ในเส้นทางอื่นๆนั้น ต้องประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้ประชาชนทราบรายละเอียดว่าจะเริ่มเมื่อใดและเส้นทางใดบ้าง หลังจากเปิดให้ประชาชนสามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม.ต่อชม. แล้ว จะให้สถาบันการศึกษาเข้ามาประเมินผลโครงการด้วยว่า การดำเนินงานดังกล่าวทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยหรือไม่”