ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ หรือ กนป. ที่กรมการค้าภายในส่งรายชื่อ น้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มดิบ หรือ เคพีโอ พ่วงกับน้ำมันปาล์มดิบ ให้ที่ประชุมจ่ายชดเชยผู้ประกอบการที่ส่งออก กิโลกรัมละ 2 บาท ว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่มิติความไม่เหมาะสม ในการเสนอชดเชยราคาให้กับผู้ประกอบการที่ส่งออก ทั้ง ๆ ที่สต๊อกในประเทศไม่ได้สูง จนต้องเร่งระบายออกนอกประเทศ
ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมกรมการค้าภายใน มักเสนอเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของผู้ประกอบการได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับดูแลเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน เพื่อเกษตรกรได้ช้ากว่ามาก ที่สำคัญคือการส่งออกน้ำมันเมล็ดใน เป็นบทสะท้อนโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม เพราะเกษตรกรจะขายได้เฉพาะปาล์มเท่านั้น ในขณะที่โรงงานใช้ประโยชน์จากปาล์มน้ำมันได้ทั้งกะลาและเมล็ดใน หรือที่เรียกว่าเป็นผลพลอยได้โดยไม่สนับสนุนปาล์มน้ำมันคุณภาพที่ 18-20 % เพราะผลสุกของปาล์มที่ 17 % ก็มีเมล็ดในที่ไปหาประโยชน์เพิ่มเติมได้แล้ว ในขณะที่เกษตรกรไม่เคยได้ส่วนแบ่งรายได้นี้ จึงควรมีการปรับโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันให้เป็นธรรมกับเกษตรกรมากขึ้น
“ดิฉันเคยเสนอสูตรคำนวณโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมกับเกษตรกรไว้ว่า ต้องกำหนดการซื้อผลปาล์มตั้งแต่ 18 % ขึ้นไป เพื่อยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน เพิ่มค่าเมล็ดในจากราคาผลปาล์มทะลาย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นทันที 30 สตางค์ต่อกิโลกรัม ถ้ามีโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม ดิฉันเชื่อว่าเกษตรกรจะขายปาล์มยืนพื้นที่ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.24 บาท จึงอยากให้ กนปงทำหน้าที่ผลักดันโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมออกมาโดยเร็ว แทนที่จะประชุมพิจารณาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ดร.พิมพ์รพี กล่าว