ภายหลังการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดประมูล 2รถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม 5สัญญา วงเงิน 1.28แสนล้านบาท สร้างความเคลือบแคลงใจ ไม่น้อยให้กับหลายฝ่าย เริ่มตั้งแต่ คุณหมอนักการเมือง นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ตั้งข้อสังเกตว่า การประกวดราคาครั้งนี้น่าจะนำมาสู่การฮั้ว-ล็อกสเปก ที่ส่อไปในทางช่วยให้ผู้รับเหมารายใหญ่ทั้ง5รายผ่านผลงานนำไปขอยื่นประมูล แถมเสนอราคาต่ำสุดห่างราคากลางเพียง 0.08-0.12% แบ่งงานกันครบราวกับตาเห็นหรือราวกับมีตาทิพย์
จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจสอบและเปิดประมูลใหม่ ตามด้วย ดร. สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกโรงหลายครั้งว่า 2เส้นทางคู่สายเหนือ-อีสานทั้ง5สัญญา ราคาที่เสนอห่างราคากลาง0.08-0.09%ทั้ง5สัญญา หากเทียบกับทางคู่สายใต้ นครปฐม-ชุมพรแล้ว ราคาเสนอห่างจากราคากลางถึง5.66% ช่วยรัฐประหยัดงบกว่า2,000 ล้านบาท เบื้องลึกมีการเปลี่ยนแปลงทีโออาร์ ทำให้แต่ละสัญญามีมูลค่าสูง
ขณะที่ สหภาพรัฐวิสาหกิจการรถไฟ ก็ออกมาเรียกร้องให้รฟท.ตรวจสอบในทำนองเดียวกันเพราะมองว่าไม่ชอบมาพากล ส่อไปในทางฮั้วประมูลเอื้อประโยชน์ให้เอกชนกลุ่มดังกล่าว ราวกับจับวาง รัฐต้องควักงบประมาณที่สูงหากไม่เกิดการแข่งขัน ยังไม่รวมนักการเมืองจากพรรคก้าวไกลที่พูดคราวประชุมในสภาผู้แทนราษฎร์ เรื่อง งบประมาณปี2565 ว่าการประมูล2รถไฟทางคู่ไม่โปร่งใส ในครั้งนั้นนายกศักดิ์ สยามชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลุกขึ้นชี้แจงว่าการประมูลเป็นไปตามระเบียบวัสดุถูกต้องโปร่งใส่ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า เรื่องนี้จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องทยอยออกมา ตั้งข้อสังเกตต่อเนื่อง และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่าสุด นักวิชาการ อย่างดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่12มิถุนายน หัวข้อเรื่อง” ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆหน้า “พร้อมตั้งคำถามที่เกี่ยวกับการประมูลครั้งนี้ว่า “ การประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน แบ่งเค้ก –ฮั้วราคาหรือไม่” หากเป็นเช่นนี้ขอให้รัฐบาลทบทวนเปิดประมูลใหม่
ดร.มานะ กล่าวว่า ข่าวการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานมูลค่า 1.28 แสนล้านบาทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อกังขาจากสังคมถึงความไม่โปร่งใสหลายประการ โดยมีข้อสังเกตดังนี้
1. กติกาถูกเปลี่ยนก่อนการประมูล
เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้เงินงบประมาณ รัฐต้องจูงใจและส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมแข่งขันประมูลให้มากที่สุด ดังนั้นในปี 2558 ครม. จึงมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ที่มี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธาน กำหนดให้การประมูลรถไฟทางคู่ต้องกระจายงานออกเป็นสัญญาที่วงเงินต่อสัญญาไม่สูงเกินไปและแยกงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานโยธา เพื่อป้องกันการฮั้วประมูลและเปิดให้ผู้ประกอบการรายย่อยแข่งขันได้ แต่มติ ครม. นี้กลับถูกยกเลิกไปตามข้อเสนอของรัฐมนตรีคมนาคมคนปัจจุบัน ก่อนที่การประมูลรอบใหม่จะเริ่มขึ้น เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคดีทุจริตยาที่ศาลตัดสินจำคุกอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะใช้อำนาจสั่งให้ ‘ยกเลิก’ บัญชีราคากลางยาส่งผลให้ราคายาแพงขึ้น ถือเป็นคดีตัวอย่างคอร์รัปชันเชิงนโยบายจนถึงทุกวันนี้
2. แบ่งเค้ก – ฮั้วราคา หรือไม่?
การประมูลครั้งนี้แยกเป็น 5 สัญญา ผลคือมีผู้เข้าประมูลเพียง 5 ราย แต่ละรายต่างชนะการประมูลรายละ1 สัญญา โดยราคาประมูลนั้นเกือบเท่าราคากลาง แตกต่างเฉลี่ยเพียงร้อยละ 0.08 ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับการประมูล 7 สัญญาช่วงปี 2558 – 2560 ที่บางสัญญาราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยมาก คือ ช่วงวิหารแดง - บุใหญ่ ต่ำกว่าถึงร้อยละ 31.99 และช่วงหัวหิน - ประจวบฯ ต่ำกว่าถึงร้อยละ 20.51 ประหยัดไปกว่าสามพันล้านบาท!!!
3. กลุ่มผูกขาด
การประมูลครั้งนี้กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้มีแต่ผู้รับเหมารายใหญ่หน้าเดิมๆ ยื่นซองแล้วเอางานไปคนละสัญญาแถมได้ราคาดี แต่ทำไมงานใหญ่ขนาดนี้ไม่เปลี่ยนเกมแข่งขัน โดยเปิดให้บริษัทต่างชาติที่ทุนหนา เทคโนโลยีสูงมาร่วมประมูลจะได้มีตัวเปรียบเทียบกันมากขึ้น ผลประโยชน์และการประหยัดงบประมาณจะเกิดกับประเทศ
4. ถูกกฎหมาย แต่ขัดใจประชาชน
บ้านเมืองของเรามีคดีคอร์รัปชันมากมายที่กว่าจะถูกจับโกงได้ก็ผลาญชาติจนเสียหายไปมากแล้ว เพราะสังคมหลงเชื่อคนมีอำนาจที่คอร์รัปชันแต่ปากก็อ้างว่าโปร่งใส ทุกอย่างถูกกฎหมายแล้ว เช่น กรณีสนามฟุตซอล คลองด่าน โฮปเวลล์ บ้านเอื้ออาทร จำนำข้าว เครื่องตรวจระเบิดจีที 200 ถุงมือยาง ฯลฯ บ่อยครั้งที่พบว่ามีการวางแผน ‘สมรู้ร่วมคิด ล็อคสเปค ฮั้วประมูล’ อยู่เบื้องหลัง การเปิดประมูลอีบิดดิ้งกลายเป็นเรื่องบังหน้า กลไกปกติในการป้องกันคอร์รัปชันอย่าง ป.ป.ช. และศาลก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ประชาชนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีการโกงกิน ทำให้รัฐเสียหาย ซื้อแพงเกินเหตุ ของใช้การไม่ได้ หรือไม่คุ้มค่าเงินที่เสียไปก็ตาม คำอวดอ้างที่ว่า ‘ไม่มีโกง เพราะทำถูกระเบียบ เป็นไปตามขั้นตอน’ จึงอาจเป็นเพียงคำลวงที่ทาให้พวกเขาดูดี แล้วลอยนวลกอบโกยได้ต่อไป
5. อย่าปล่อยตามยถากรรม
เชื่อว่า ครม. และ รฟท. มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้และหวังว่าจะทำด้วยจิตสานึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เปิดประมูลใหม่ทำให้มีการแข่งขันที่เปิดกว้างโปร่งใสกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็ให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่ามีการเจรจาต่อรองกับผู้ประมูลให้ได้เงื่อนไขดีขึ้น ทำให้ถูกต้องชัดเจน นำมาตรการตาม ‘กฎหมายฮั้วประมูล’ มาใช้เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องน่ากังขาแบบนี้อีก เพราะยังมีรถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ - เด่นชัย และสายชุมพร – ปาดังเบซาร์ เปิดประมูลอีกเร็วๆ นี้
บทสรุป…
ถ้าเบื่อคอร์รัปชัน" เราต้องสู้ เราคนไทยเจ้าของประเทศต้องไม่ถูกครอบงำ ต้องไม่นิ่งเฉยยอมรับชะตากรรม มาช่วยกันขุดคุ้ยเปิดโปง ช่วยกันโวย ปฏิเสธและก่นด่าพวกโกงชาติ พวกที่พร่ำชวนเชื่อว่าโปร่งใส แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ตรวจสอบ แถมไม่เปิดกว้างรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชน" เพราะ ‘ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆ หน้า"