นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ยอดขายที่ดินยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วาง ไว้ 950 ไร่ ทั้งไทยและนิคมฯ ในประเทศเวียดนาม แม้ว่าปีที่แล้วจะมียอดขายต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากนักลงทุนที่สนใจประเทศไทย ยังคงลงทุนต่อเนื่อง และหากรัฐบาลสามารถปลดล็อคเงื่อนไขผ่อนปรนการเข้าประเทศให้กับนักลงทุนได้ เชื่อว่าแนวโน้มการลงทุนในนิคมฯอมตะ จะเป็นไปตามแผน จากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการเจรจาไปแล้วในหลายราย
ขณะนี้บรรยากาศการลงทุนโดยภาพรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้มีการปูพรมเพื่อระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ในเป้าหมาย 70% ของจำนวนประชากร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวหากเป็นไปตามแผน จะมีส่วนสำคัญต่อการเปิดภาคธุรกิจและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้ เพราะมีส่วนสนับสนุนให้เกิดการขยายการลงทุนได้เป็นอย่างดีและเกิดการเดินทางติดต่อระหว่างประเทศได้สะดวกขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินงานของอมตะไตรมาส 1 และ 2 /2564 ถือว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ที่ข้อตกลงการซื้อ-ขายจะมีจำนวนน้อยมากเป็นไปตามไซเคิลแต่ละปีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ข้อตกลงที่มีการเซ็นสัญญากัน จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ของทุกปี ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดภาพการเจรจาซื้อขายที่ดิน แตกต่างจากภาวะปกติ เพราะติดการเดินเข้ามาประเทศไทย จึงใช้วิธีการเจรจาผ่านระบบออนไลน์เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดในพื้นที่ดินให้กับลูกค้า ซึ่งสามารถดำเนินการในระดับหนึ่ง แต่การตัดสินใจซื้อที่ดินจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกลุ่มลูกค้าต้องเดินทางเข้ามาเห็นพื้นที่จริงเนื่องจากที่ดินมีมูลค่าสูง จำเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบ
"ปัจจุบันการเดินทางเข้าประเทศของนักลงทุน ยังมีมาตรการ ที่ต้องกักตัว 14 วัน เพื่อเป็น Alternative State Quarantine ทำให้ขั้นตอนในส่วนนี้เกิดอุปสรรคในเรื่องระยะเวลาของการเข้ามาเจรจาของกลุ่มลูกค้า เพราะหากรวมระยะเวลาแล้ว ที่ต้องกลับไปกักตัวในประเทศของตนเองอีก รวมแล้วเกือบ 1 เดือน ที่ไม่สามารถทำบริหารจัดการธุรกิจได้ ดังนั้นในมุมมองของเอกชน ภาครัฐควรคลายข้อกำหนดต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรค เพื่อให้การเปิดประเทศ โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่มีแผนเปิดพื้นที่กรุงเทพฯ จะเป็นการอำนวยความสะดวก และเป็นการส่งเสริมให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :