นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหัวหน้าหน่วยราชการในสังกัดกระทรวงคมนาคม เรื่องมาตรการควบคุมโควิด-19 ว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแจ้งให้กับผู้บริหารหน่วยฯ เพื่อให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนตามมาตรการของคณะกรรมการฯ โดยที่ประชุมดังกล่าวได้มีการแบ่งโซนพื้นที่การแพร่ระบาดเป็น 4 กลุ่ม แบ่งเป็น พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด 18 จังหวัด
ขณะเดียวกัน เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องที่เคยปฏิบัติมาแล้วในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดในระลอกที่ 1 ประกอบด้วย การปรับลดจำนวนการให้บริการรถสาธารณะ โดยมติที่ประชุมให้ดำเนินการหยุดการให้บริการรถสาธารณะ ตั้งแต่เวลา 21.30-04.00 น. เว้นการให้บริการที่มีความจำเป็น เช่น รถส่งอาหาร เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งออกประกาศและมีมาตรการประกอบการปฏิบัติ นอกจากนี้ ต้องมีการรายงานผลทุกวัน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมเป็นต้นไป
ส่วนหน่วยงานที่มีการดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ควบคุม 10 จังหวัด ต้องมีการใช้มาตรการเชิงรุกในการเข้าไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้มีความชัดเจนในเรื่องของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างทั้งหมด เพื่อลดการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้กำหนดในการปฏิบัติงานต่อจากนี้ ให้ทุกหน่วยงาน ปฎิบัติงานในรูปแบบเวิร์คฟอร์มโฮม เป็นหลัก แต่ในกรณีที่เป็นงานบริการประชาชนก็ยังต้องปฏิบัติงานเช่นเดิม เพราะฉะนั้นทุกหน่วยงานต้องไปปฏิบัติตามการดำเนินงานของตนเอง โดยต้องระวังและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อีกทั้งต้องกำชับบุคลากรหลังจากปฏิบัติงานแล้วต้องระวงการพบเจอกับผู้อื่นหรือคนในครอบครัวเป็นพิเศษ เพราะจากสถิติที่พบส่วนใหญ่มักติดโควิดจากคนใกล้ชิดเป็นจำนวนมาก
“ย้ำว่าทุกการดำเนินการของทุกหน่วยงานต้องมีการรายงานผลทุกวัน รวมทั้งได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคม แต่งตั้งนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานคณะทำงานที่ทำหน้าที่สรุปการทำงานของกระทรวงคมนาคม เพื่อส่งให้ ศบค.รับทราบการดำเนินการทั้งหมดต่อไป”
ทั้งนี้กำหนดให้ลดการให้บริการขนส่งสาธารณะทั้ง 4 มิติ ในการเดินทางไปต่างจังหวัด หรือในกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเริ่มปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 12-25 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกประกาศเร่งด่วนภายในวันที่ 9 กรกฎาคม เพื่อให้ประชาชนรับทราบ รวมทั้งสามารถควบคุมการปฏิบัติได้ อีกทั้งอยากขอให้หน่วยงานที่มีการให้บริการใหพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พิจารณาความถี่ในการให้บริการ คือ ต้องเพิ่มจำนวนรถในชั่วโมงเร่งด่วนให้เพียงพอต่อความต้องการ และลดความแออัด รวมทั้ง อาจจะต้องมีการนำการปฏิบัติแบบนั่งเว้นที่นั่งกลับมาใช้อย่างเคร่งครัดมากขึ้น ส่วนเรื่องที่อยากให้ผู้บริการรถสาธารณะเข้มข้น คือ ต้องมีการสแกนไวรัสในรถสาธารณะให้เพิ่มขึ้นด้วย