นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการ Allnex Holding GmbH (allnex) ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins หรือผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท ครอบคลุมการใช้งานในหลายอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่ารวม 4,002 ล้านยูโรหรือประมาณ 1.48 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะปิดดีลในปลายปี 64 ทำให้บริษัทรับรู้รายได้และกำไรจากallnexเข้ามาเต็มปีในปี 65
ทั้งนี้ ส่งผลให้ปี 65 GC มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 3.6 แสนล้านบาทที่โตขึ้น8-10% และมีสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม(EBITDA Margin)จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า2% เนื่องจากallnex มีEBITDA Margin สูงถึง 17-19% ช่วยทำให้ EBITDA Margin ของ GC จากเดิม8-9%ให้เพิ่มสูงขึ้นด้วย
สำหรับผลประกอบการ allnex ในปี 64 คาดว่ามีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านยูโร หรือ 74,167.2 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 37.08 บาท ต่อ 1 ยูโร) มี EBITDA อยู่ที่ 400 ล้านยูโร หรือราว 14,832 ล้านบาท และกำไรสุทธิคิดเป็น 50% ของEBITDA
"การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวนับเป็นประโยชน์เพิ่มศักยภาพทั้ง 2 ฝ่าย โดยตลาดนี้ ขยายตัวไม่ว่าจะอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 (Covid-19) หรือไม่ ก็ตาม และในอนาคตเอื้อประโยชน์ทั้งการจำหน่ายวัตถุดิบของ GCและการลงทุนขยายตลาดของ allnex ซึ่งหลังจากการดำเนินการซื้อขายหุ้นเสร็จแล้วในไตรมาสที่ 4 ของปี 64 หลังจากได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทางบริษัทก็จะประกาศแผนการขยายงานต่อไปในอนาคต"
PTTGC International (Netherlands) B.V. (GC Inter B.V.) บริษัทย่อย ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC ) ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายกิจการ Allnex Holding GmbH (allnex) กับ Allnex Holdings S.à.r.l and Allnex S.à.r.l, (ผู้ขาย) ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารของ Advent International (Advent)มูลค่าการลงทุนรวม 1.48แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่จังหวัดภูเก็ต นับเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของPTTGC โดยปัจจุบัน allnexยังมีเครือข่ายโรงงานการผลิตอยู่ที่ 33 แห่งใน 18 ประเทศรวมทั้งไทย มีศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีอีก 23 แห่ง มีพนักงานประมาณ 4,000 คนทั่วโลก
อย่างไรก็ดี บริษัทยังเดินหน้าควบรวมและซื้อกิจการ(M&A)ต่อเนื่อง โดยไม่สามารถตอบได้ว่าปีนี้จะมีM&Aเพิ่มเติมหรือไม่ แต่หากมีดีลใหม่ก็ไม่ใหญ่เท่านี้ ซึ่งเร่งM&Aเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง (HVB)เป็น25%ในปี2573 การซื้อallnexทำให้บริษัทมีสัดส่วนHVB เพิ่มขึ้นใกล้เคียง 20%
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโครงการพลาสติกชีวภาพ ชนิดโพลีแลคติค แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ในประเทศไทย คงต้องรอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของเนเชอร์เวิร์คส์ จากสหรัฐฯ ก่อน คาดว่าจะมีความชัดเจน ภายใน 1-2 เดือนนี้ หลังจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัดในกิจการผลิต PLA ประมาณ 7.5 หมื่นตันต่อปี
นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี PTTGC กล่าวว่า การจัดหาเงินทุนเพื่อซื้อกิจการallnexในครั้งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน และไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายปันผล เนื่องจากบริษัทมีเงินสดในมือถึง 1แสนล้านบาท เงินจากการขายหุ้นธุรกิจไฟฟ้า 2.3 หมื่นล้าน บาท วงเงินการค้าชำระวัตถุดิบที่สามารถขยายอายุการจ่ายเงินได้อีก 3.2 หมื่นล้านบาท เงินกู้ยืมจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ประมาณ 7.39 หมื่นล้านบาท และสถาบันการเงินเสนอปล่อยสินเชื่ออีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งรายได้จากการดำเนินงานครึ่งปีหลัง คาดว่าอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)หลังซื้อกิจการallnexอยู่ที่0.6-0.7เท่า
“GC มีความคล่องตัวมาก การซื้อกิจการไม่กระทบเงินจ่ายปันผล โดย allnex มีอัตราเติบโตกว่า 10% มีรายได้ที่ดี มีอีบิทด้า 400 ล้านยูโร/ปี กำไรสุทธิ 50% ของอีบิทด้า เราเข้าไปจะลดต้นทุนด้านการเงินและดีลนี้คาดจะสร้าง EBITDA margin ให้บริษัทเพิ่มไม่น้อยกว่า 2%"