ส่งออก มิ.ย.ทำนิวไฮรอบ 11 ปี โต 43.8% จัดหนัก 130 กิจกรรมดันครึ่งหลัง
ส่งออกไทย เดือน มิ.ย.64 ทำนิวไฮใหม่ โต 43.82% สูงสุดในรอบ 11 ปี ชี้สินค้าเกษตรขยายตัว 59.8% สูงสุดรอบ 10 ปี ขณะที่ส่งออกไปยังทุกตลาดทั้งตลาดหลัก ตลาดรองขยายตัวต่อเนื่อง”จุรินทร์”เดินหน้าอัดกิจกรรมกว่า 130 ครั้ง เร่งปั๊มส่งออกครึ่งปีหลัง ดันขยายตัว 4% ตามเป้า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกไทยในขณะนี้มีการขยายตัวสูงในทุกตลาดสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ตามการกลับมาเปิดประเทศของประเทศคู่ค้า เนื่องจากการเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย.2564 มีมูลค่า 23,699.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 43.82% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 11 ปี ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 22,754.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 53.75% ดุลการค้าเดือนมิ.ย.เกินดุล 945.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะภาพรวมการส่งออกไทยในครึ่งแรกปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 132,334.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15.53% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 129,895.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 26.15% ดุลการค้าเกินดุล 2,439.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยสินค้าที่มีอัตราการขยายตัวสูง เช่น ผลไม้ เพิ่ม 185.10% และในนี้เป็นทุเรียน เพิ่มขึ้นถึง 172% มังคุด 488.26% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 90.48% รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่ม 78.5% เครื่องจักรกล เพิ่ม 73.13% และเคมีภัณฑ์ เพิ่ม 59.82% เป็นต้น
ส่วนสินค้าเกษตร มีอัตราการขยายตัวสูงถึง 59.8% สูงสุดในรอบ 10 ปี สามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 71,473.5 ล้านบาท เป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยางพารา เพิ่มถึง 111.9% ผักผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 110.2% โดยเฉพาะมันสำปะหลัง เพิ่มถึง 81.5% ขณะที่ตลาดสำคัญ ทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง มีอัตราการขยายตัวทุกตลาด
สำหรับแผนการทำงานในช่วงครึ่งปีหลัง กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับภาคเอกชนในนาม กรอ.พาณิชย์ และใช้ทีมเซลส์แมนจังหวัด เซลส์แมนประเทศ ร่วมกันทำงานขับเคลื่อนการส่งออก โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการมากกว่า 130 กิจกรรม
นอกจากนี้จะเร่งเปิดตลาดใหม่ให้เป็นรูปธรรม เช่น ผลักดันการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งเข้าสู่ตลาดซาอุดิอาระเบีย เจาะตลาดลาตินอเมริกา ที่แม้เส้นทางไกล เสียเปรียบคู่แข่ง แต่มีสินค้าที่มีโอกาสมาก เช่น อาหาร และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ป้อนความต้องการการซ่อมแซม
“กระทรวงจะยื่นมือเข้าไปช่วยภาคการผลิต เพื่อให้คงตัวเลขส่งออก เพราะขณะนี้ บางจังหวัดสั่งปิดโรงงานแบบเหมารวม จะต้องพิจารณากันให้รอบคอบ ส่วนไหนมีปัญหา ก็ปิด ส่วนไหนไม่มีปัญหา และไม่คิดว่าจะได้รับผลกระทบ ก็ควรให้เปิด หรือถ้ามีการปิดทั้งโรงงานแล้ว ส่วนไหนแก้ไขปัญหาจบ ก็ควรจะเปิดให้ดำเนินการผลิตต่อไป เพื่อไม่ให้การผลิตหยุดชะงักจนกระทบส่งออก ซึ่งจะเรียนคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า รวมทั้งต้องเร่งกระจายวัคซีนเข้าสู่ภาคการผลิต โดยเฉพาะโรงงานส่งออก ซึ่งได้เรียน ครม.ไปแล้ว และนายกรัฐมนตรีตอบรับให้จัดการแล้ว และปัญหาเรื่องแรงงาน ก็ได้แจ้ง ครม.แล้ว กระทรวงแรงงานจะเข้ามาดูแลและเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานหมดอายุในจุดต่างๆ เพื่อให้มีความรวดเร็วต่อไป สำหรับเป้าหมายส่งออกปีนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงตั้งเป้าไว้ที่4% แต่หากส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ทำได้ดี คาดว่าน่าจะขยายตัวมากกว่า4% ”
ด้านนายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การส่งออกรายสินค้า นอกจากสินค้าเกษตรที่ขยายตัวสูงถึง 59.8% สูงสุดในรอบ 10 ปี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรก็ขยายตัว 13.5% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่ม 27.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 22 เดือน น้ำตาลทราย เพิ่ม 18.8% กลับมาขยายตัวในรอบ 15 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 44.7% เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 78.5% ผลิตภัส่วนตลาดส่งออก 50 อันดับแรก ซึ่งมีสัดส่วน 97% ของการส่งออกรวม ขยายตัวได้ทุกตลาด
สำหรับภาพรวมการส่งออกไปกลุ่มตลาดต่าง ๆยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย ตลาดหลัก ขยายตัว 41.2% โดยส่งออกไปตลาดจีนขยายตัว 42% และญี่ปุ่น ขยายตัว 32.3 % ตลาดสหรัฐฯขยายตัว41% สหภาพยุโรป (27) ขยายตัว46% และ CLMV ขยายตัว 36.3% ส่วนตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน 48.7 2%
ขณะที่ ตลาดรอง ขยายตัว49.5% ขยายตัวทุกกลุ่มตลาด ประกอบด้วย เอเชียใต้ ขยายตัว125.7 % ทวีปออสเตรเลีย ขยายตัว39.2% ตะวันออกกลาง ขยายตัว 26.1% ทวีปแอฟริกา ขยายตัว 40.8% ลาตินอเมริกา ขยายตัว 102% และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัว 37.2% เป็นต้น