ขณะที่อีก1 เรื่องใหญ่ รัฐบาลเปิดทางให้ภาคเอกชนที่มีคอนเน็กชั่นกับผู้ผลิตในการช่วยเจรจาหาวัคซีนเพิ่มเติม ล่าสุดทั้ง 2 เรื่องมีความคืบหน้าอย่างไรนั้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า สำหรับเรื่องการตั้งคณะกรรมการภาครัฐและเอกชนเพื่อหาโอกาสที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด ตรงนี้ถือว่าเป็นแผนงานระยะกลางและระยะยาวซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทางรองนายกฯสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และทางเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้มาหารือกับเอกชน โดยให้ดูข้อมูลจากคณะทำงานปัจจุบันที่มีอยู่ ซึ่งคณะทำงานหลายคณะที่มีเรื่องคล้ายคลึงกัน มีความซ้ำซ้อนกัน เช่น คณะ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy) คณะปฏิรูปเศรษฐกิจ คณะร่างแผนพัฒนาฯฉบับที่ 13 เป็นต้น น่าจะมีการหารือเพื่อรวมคณะและเลือกประเด็นขับเคลื่อนให้ชัดเจน จะประหยัดเวลา และมี impact สูงต่อการฟื้นฟูประเทศ
“สำหรับประเด็น ที่รัฐบาลได้เปิดทางให้เอกชนเจรจาช่วยเจรจาจัดหาวัคซีน แล้วมาให้ทางภาครัฐสั่งซื้อ ผ่านหน่วยงานที่สามารถนำเข้าได้ ตอนนี้ก็กำลังหารือกันอยู่ในภาคเอกชน”
ส่วนกรณีที่ทิศทางการส่งออก ซึ่งเป็นภาคหลักและเป็นเครื่องยนต์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนและพยุงเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ ซึ่งล่าสุด กกร.(ส.ค.64)ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 10-12% จากเดิมคาด 8-10% แต่ยอมรับสถานการณ์น่าห่วง เพราะเชื้อไวรัสโควิดที่กลายพันธุ์ และระบาดรุนแรงคนติดเชื้อระดับ 2 หมื่นคนต่อวันในเวลานี้ และส่วนหนึ่งได้ระบาดเข้าไปในโรงงานผลิตเพื่อส่งออกหลายร้อยโรงในหลายจังหวัด ขณะที่การจัดสรรวัคซีนลงไปยังโรงงานต่าง ๆ ยังไม่ทั่วถึงและจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
“ปัจจุบันที่ยังเป็นปัญหาคือ แต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ มีมาตรการความเข้มข้นของการปิด หรือ หยุดโรงงาน ไม่เท่ากัน บางจังหวัดหากมีคนติดไม่กี่คนก็ให้หยุดดำเนินการไปเลย 14 วัน ซึ่งจะกระทบมาก ดังนั้น หากแต่ละพื้นที่มีแนวทาง หรือมาตรการที่ใช้ให้เหมาะสม ก็จะช่วยให้กิจกรรมทางการผลิตนี้ ยังเดินหน้าต่อไปได้ และไม่กระทบ supply chain ต่อเนื่อง ทั้งภาคการค้า และ ภาคการเกษตร
ส่วนมาตรการที่โรงงานใช้ในเวลานี้คือ การ Bubble & Seal เพื่อให้การดำเนินธุรกิจยังเดินหน้าไปได้ จึงเป็นวิธีที่ต้องดำเนินการ ดีกว่า ปิดดำเนินการยาวไป เพราะหากแยกคนติด ทำความสะอาดสัก 1-2 วัน และมีการจำกัดพื้นที่ให้เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยให้ยังมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไปได้ ในช่วงที่รอการจัดสรรวัคซีน และรอให้การระบาดคลี่คลายตัว
นอกจากนั้น ภาคเอกชนกำลังหารือถึง มาตรการนำ Rapid Antigen Test เข้ามาใช้เพื่อช่วยแยกคนป่วย โดยจะได้ช่วยทางภาครัฐบาลอีกทาง ถ้าคนไหนสามารถดูแลตัวเองได้ ก็ต้องช่วยกันตรงนี้ โดยภาครัฐและภาคส่วนอื่น ๆ จะได้ไปเสริมในส่วนที่เหลือ ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้การคุมการระบาดนั้นดีขึ้นอีกทางหนึ่งทั้งนี้ต้องขอให้รัฐบาลเตรียมให้มีชุดตรวจให้เพียงพอในราคาที่เหมาะสมจะได้ช่วยกันควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงนี้