นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าฯ ได้หารือกับภาคเอกชนในเครือข่ายเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ ว่ายังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐจะพยายามตรวจเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อ แต่ก็ยังไม่รวดเร็วและเพียงพอ นอกจากนั้นการจัดหาและกระจายวัคซีนก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับเชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ ทำให้การระบาดในระลอกที่ 4 นี้ รุนแรงและรวดเร็ว
ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้ออีก 2-3 เดือน รวมทั้งจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ และชุมชนที่มีแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมและตัดวงจรการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการผลิตและส่งออก ซึ่งเป็นช่องทางสุดท้ายที่เศรษฐกิจไทยเหลืออยู่ อาจจะเกิดการปิดโรงงาน หยุดการผลิต ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เศรษฐกิจทั้งประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
หอการค้าไทยและเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ จึงได้เสนอแนวทางและมาตรการที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน โดยมีประเด็นข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. แนวทางที่ภาคเอกชนจะดำเนินการ เพื่อเสริมการดำเนินงานของรัฐบาล
2. ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐ
“สถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนเรากำลังตามแก้ไขปัญหาทุกส่วนจึงต้องปรับวิธีการให้เป็นเชิงรุกอย่างจริงจัง หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน ตลอดจนสมาชิกทุกกลุ่มธุรกิจ มีความพร้อมและยินดีที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อหาแนวทางร่วมแก้ไขวิกฤตินี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้” นายสนั่น กล่าว