นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า สขค. เฝ้าระวังสถานการณ์การแข่งขันทางการค้า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังพบว่ามีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการใช้อำนาจเหนือตลาดจำนวนเพิ่มขึ้น และได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง สขค. ได้ดำเนินการแล้วคือ การออกประกาศแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และติดตามพฤติกรรมของผู้ประกอบการ อีคอมเมิร์ซที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิด พ.ร.บ. แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 อย่างใกล้ชิด
แต่ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจรายเล็กที่ไม่มีความสามารถมากพอในการแข่งขันก็มีความเสี่ยงที่จะถูกแย่งตลาดโดยรายใหญ่ที่มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่มากกว่า นำมาซึ่งการมีโครงสร้างตลาดที่ขาดความสมดุลและมีแนวโน้มการผูกขาด ซึ่งจะนำไปสู่การใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้สขค.มีการติดตามพฤติกรรมธุรกิจให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 3 ประเภทแพลตฟอร์มที่ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤต COVID-19 ได้แก่1. แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) 2. แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery) 3. แพลตฟอร์มบริการขนส่ง (E-logistic) โดยพบว่ามีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม เช่น การกำหนดเงื่อนไขในการจำกัดทางเลือกในการขนส่งสินค้า การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้น หรือค่าใช้จ่ายจากร้านอาหารสูงขึ้นหรือค่า GP (Gross Profit) หรือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร การใช้ระบบอัลกอริทึมในการแข่งขันด้านราคาหรือการตลาดอย่างไม่เป็นธรรม การกำหนดเงื่อนไขที่จำกัดสิทธิแฟรนไชส์ซี หรือการกำหนดเงื่อนไขหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลังทำสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรสำหรับข้อร้องเรียนของผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับความไม่เป็นธรรม
ส่วนใหญ่ร้องเรียนพฤติกรรมที่เข้าข่ายใช้อำนาจเหนือตลาด ซึ่งการร้องเรียนดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบสืบสวนสอบสวน หากพบว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะเร่งดำเนินการตามกฎหมาย โดยกรณีที่เป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบตามมาตรา 50 กรณีที่เป็นการตกลงร่วมกันกำหนดค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 54 ซึ่งมีโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิดหรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่เป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมหรือการกำหนดเงื่อนไขทางการค้า อันเป็นการจำกัดหรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 57 มีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกิน 10 % ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด
“การขยายตัวของธุรกิจออนไลน์อย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ซึ่งสขค.จึงได้กำหนดแนวทางพิจารณการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ และในส่วนของการลดผลกระทบของ SMEs ได้มีการจัดทำแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 30 – 45 วันเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของผู้ประกอบธุรกิจ SMEs”
นอกจากนี้ สขค. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดธุรกิจ E-platform ประเภทอื่นๆ เพื่อพิจารณาการจัดทำแนวปฏิบัติ (Guideline) เพิ่มเติมเพื่อใช้กำกับดูแลการแข่งขันได้อย่างครบถ้วนและสร้างมาตรฐานทางการค้าให้เกิดเกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม