นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า วันนี้ (31 ส.ค.64) บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (SHT) ภายใต้บริษัทย่อยของ DOD ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม และพืชสมุนไพรไทย โดยมีทุนจดทะเบียน 260 ล้านบาท ได้เซ็นสัญญาพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท MFUSED Group ซึ่งเป็นผู้นำด้านการสกัดและวิจัยพัฒนากัญชง-กัญชา รายใหญ่ที่สุดในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้ ทาง MFUSED Group ได้รับสิทธิในการเข้ามาซื้อหุ้น 18% ในบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด
สำหรับ MFUSED Group มีความเชี่ยวชาญธุรกิจด้านการสกัดกัญชง-กัญชา มานานกว่าทศวรรษ และยังเป็นผู้บุกเบิกในการจำหน่ายกัญชง-กัญชาที่ได้จากผลผลิตจากการปลูกกลางแจ้ง ที่ปราศจากการใช้ยาฆ่าแมลง ในย่านแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงยังเป็นผู้ผลิตสารสกัดจากสารแคนนาบินอยด์ (CBD) ทางการแพทย์แบบถูกต้องตามกฎหมายรายแรก ๆ ในสหรัฐอเมริกา จึงกล่าวได้ว่า MFUSED Group เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา ในสหรัฐอเมริกาอย่างมาก
ทั้งนี้ MFUSED Group มีโครงสร้างที่ความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มธุรกิจในเครือ 2 บริษัท ที่ช่วยสนับสนุนและเสริมการต่อยอดธุรกิจอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา ได้แก่ บริษัท Octave Labs ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐออริกอน ที่เน้นธุรกิจการสกัดกัญชง โดยมีศักยภาพการสกัดเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 ปอนด์ / เดือน และมีพื้นที่ปลูกกัญชง-กัญชา สำหรับจำหน่ายและสกัดมากกว่า 1,200 ไร่ รวมถึงยังมีห้องปฏิบัติการ (LAB) ในการตรวจวิเคราะห์วิจัยเพื่อสกัดสารสำคัญ อันดับต้น ๆ ของโลก ขณะที่บริษัท Canvas Therapeutics มุ่งเน้นการบำบัดรักษาโรค สำหรับใช้ทางการแพทย์ ภายใต้การใช้สารสกัดจากกัญชง-กัญชา จากแคนนา บินอยด์ รวมถึงพืชสมุนไพรต่าง ๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD กล่าวเพิ่มเติมว่า บทบาทของ MFUSED Group ในฐานะ Strategic Partner ในครั้งนี้ จะเป็นผู้ออกแบบและควบคุมกระบวนการผลิตในโรงสกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงถ่ายทอด Know How การนำสารสกัดมาวิจัยและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่หลากหลายให้แก่ SHT โดยโรงงานสกัดของ SHTจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้จะสอดรับกับการที่บริษัทฯเตรียมทยอยส่งมอบเมล็ดพันธุ์กัญชงให้กับกลุ่มพันธมิตร อาทิ กลุ่มเกษตรกร (Contract Farming) รายใหญ่ กลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชน อาทิ บริษัท ทีเอชซีจี กรุ๊ป จำกัด วิสาหกิจชุมชนทุ่งนางแลสมุนไพรเพื่อการแพทย์ รวมถึงวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปบุกเขาค้อภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรดังกล่าว ดำเนินการปลูกและนำเมล็ดกัญชง มาจำหน่ายให้บริษัทฯเพื่อนำไปสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) และนำมาสกัดสารสำคัญเพื่อไปผลิต CBD เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าตามออเดอร์ ภายในช่วงไตรมาส 4/2564 หรือ ต้นปี 2565 ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯมองว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 25% ต่อปี และระยะเวลาคืนทุนประมาณ 5 ปี
DOD ยังได้ตั้งเป้าหมายร่วมกับ MFUSED Group ว่า ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า(2565-2567) จะผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการส่งออกกัญชง-กัญชาในตลาดโลก ดังนั้น DOD มั่นใจว่า ดีลครั้งนี้จะช่วยให้เกิด Synergy ทางธุรกิจ 1+1 เท่ากับ 3 ภายใต้การนำจุดแข็งความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท มาช่วยผลักดันในการสร้างมูลค่าการตลาดกัญชง-กัญชา ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ให้ครบทุกมิติทั้งในรูปแบบการเป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และทำการตลาด เพื่อส่งออกสู่ตลาดโลก
ด้าน นายยัง แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท MFUSED Group กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนร่วมกับบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (SHT)ครั้งนี้ ถือว่าเป็นบิ๊กดีลทางธุรกิจในการร่วมผนึกกำลังครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัท เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา ในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย โดยสาเหตุหลักของการร่วมลงทุนครั้งนี้ MFUSED Group เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของ DOD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ SHT ที่มีความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสอดคล้องกับนโนบายการเข้ามาร่วมลงทุนของ MFUSED Group อย่างมาก
ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้บริษัทตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน เพราะมองเห็นถึง Synergy ความสำเร็จแบบเดียวกัน และที่สำคัญการร่วมพันธมิตรครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ MFUSED Group ได้มีโอกาสเข้ามาขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย อีกด้วย
“สาเหตุที่ร่วมลงทุนใน SHT เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพความแข็งแกร่งบริษัทแม่อย่าง DOD ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในขณะเดียวกันมองว่า DOD มีความพร้อมในเรื่องของโรงสกัด และห้องปฏิบัติการ (LAB) และมีทีม R&D ที่คอยค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดต่าง ๆ เพื่อรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบ ODM และที่สำคัญ DOD มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำในการผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม และพืชสมุนไพร แบบครบวงจร”
ขณะที่นายโจนาธาน วัฒน์สุขสันติ กรรมการบริษัท บริษัท MFUSED Group เอเชียแปซิฟิก กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา รวมถึงพืชสมุนไพร โดยเฉพาะทางการแพทย์ และเพื่อสุขภาพ มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในตลาดโลก ขณะที่ตลาดในประเทศไทยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 20,000 ล้านบาท ส่วนตลาดในภูมิภาคคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาท ดังนั้น MFUSED Group และ DOD จึงมีเป้าหมายและมุมองในทิศทางเดียวกันว่า เราจะร่วมกันสร้างฐานการปลูก การสกัด การผลิต และการจำหน่าย ในประเทศไทยให้เป็น HUB ด้านการส่งออกไปยังตลาดโลก ภายใน 3 ปีข้างหน้า
“ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชีย ที่ปลดล็อกเสรีกัญชง-กัญชา และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการปลูก การสกัด และการแปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อจำหน่ายได้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีข้อได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในเรื่องของพื้นที่เกษตรกรรม ทั้งภูมิอากาศ พื้นที่การปลูก รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ดังนั้นทุกอย่างล้วนเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการทำเกษตรกรรม และเหมาะกับการลงทุนในพืชเศรษฐกิจอย่าง กัญชง-กัญชา อย่างมาก ดังนั้นจากปัจจัยเชิงบวกที่กล่าวมาทั้งหมด MFUSED Group เชื่อว่าในอนาคตประเทศไทยจะเป็น HUB ของอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา ได้อย่างแน่นอน”