นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 1-2 กันยายนที่ผ่านมา กนอ. ได้เข้าร่วมออกบูธนิทรรศการส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทยในงาน Belt and Road Summit 2021 ครั้งที่ 6 ผ่านช่องทางสื่อสารทางไกลเสมือนจริง (Virtual Conference) จัดโดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council : HKTDC) และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจอุตสาหกรรมไทยและฮ่องกง นำเสนอภาพรวมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทย รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาการจัดงานคาดว่ามีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากหลายประเทศทั่วโลกประมาณ 15,000 คน
ทั้งนี้ ได้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ "Belt and Road Opportunities for SMEs" โอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยระบุถึงการประกอบธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรม สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน ศักยภาพ และข้อได้เปรียบในการลงทุนในประเทศไทย พร้อมทั้งชักจูงนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังบรรยายในกิจกรรมดังกล่าวผ่านช่องทางออนไลน์ประมาณ 3,000 คน
โดยผู้เข้าร่วมการประชุมได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและสนับสนุนการประกอบกิจการ เช่น ธนาคาร ที่ปรึกษาด้านการตลาด ผู้ให้บริการด้านสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ และหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
“การประชุมครั้งนี้ กนอ.ตั้งเป้าชักชวนนักลงทุนฮ่องกง และนักลงทุนจากประเทศจีน รวมถึงประเทศต่างๆ จากทั่วโลก โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การตัดสินใจของนักลงทุนที่จะย้ายฐานการผลิต หรือขยายการลงทุนมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กรและเกิดความไว้วางใจให้ กนอ.เป็นผู้ประสานงานในการเยี่ยมชมพื้นที่และให้ข้อมูลพื้นที่ที่เหมาะสมในการลงทุนต่อไป”
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือการดำเนินกิจกรรมการตลาด กับ HKTDC ที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมระหว่างหน่วยงานทั้งสองเป็นการบูรณาการจุดแข็งซึ่งกันและกัน ทั้งในแง่ของการเชื่อมโยงข้อมูลทางธุรกิจระหว่างไทยกับฮ่องกง และการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนที่สนใจลงทุนตั้งโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้สามารถนำเสนอข้อมูลและรายละเอียดประกอบการตัดสินใจแก่นักลงทุนได้อย่างสมบูรณ์