กอนช.เปิดพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง 8-12 ก.ย.

07 ก.ย. 2564 | 12:12 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ย. 2564 | 19:12 น.

“สำเริง” เลขานุการฯ กอนช. เตือนพื้นที่เสี่ยง น้ำหลาก ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง รับมือ 24 ชั่วโมง วันที่ 8-12 ก.ย. จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ปะทะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลทำให้ประเทศไทย มีฝนตกหนักถึงหนักมาก

นายสำเริง แสงภู่วงค์  รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการกองอำนายการน้ำแห่งชาติ  ประกาศ เรื่อง  เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง และอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้

 

ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก  ในช่วงวันที่ 8 – 11 กันยายน 2564

 

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้คาดการณ์ปริมาณฝนตก (ONE MAP) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา  และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก   ของกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรธรณี พบว่าในช่วงวันที่ 8 – 12 กันยายน 2564 มีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังอุทกภัย ดังนี้

1. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม บริเวณภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ตาก พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี และตราด

 

2. เฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำมูลบน จังหวัดนครราชสีมา และอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา จังหวัดปราจีนบุรี และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 30 แห่ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำสันหนอง อ่างเก็บน้ำห้วยแม่งอน และอ่างเก็บน้ำน้ำแห่ง

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 17 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำสวย อ่างเก็บน้ำน้ำเลย อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น อ่างเก็บน้ำห้วยส้มป่อย อ่างเก็บน้ำน้ำพรม อ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง อ่างเก็บน้ำห้วยหินลับ อ่างเก็บน้ำห้วยไร่ อ่างเก็บน้ำห้วยทา อ่างเก็บน้ำห้วยขาหน้า อ่างเก็บน้ำห้วยเดือนห้า อ่างเก็บน้ำห้วยโดน อ่างเก็บน้ำลำเชียงสา อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง อ่างเก็บน้ำ ลำเชียงไกรตอนบน อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง และอ่างเก็บน้ำหนองกก ภาคตะวันออก จำนวน 10 แห่ง ได้แก่

อ่างเก็บน้ำศาลทราย อ่างเก็บน้ำห้วยตู้ 1 อ่างเก็บน้ำทับลาน อ่างเก็บน้ำคลองระโอก อ่างเก็บน้ำ บ้านมะนาว อ่างเก็บน้ำด่านชุมพล อ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน อ่างเก็บน้ำช่องกล่ำล่าง อ่างเก็บน้ำคลองสีเสียด และอ่างเก็บน้ำคลองวังบอน

 

3. เฝ้าระวังระดับน้ำในลำน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นล้นตลิ่ง และท่วมขังบริเวณที่ลุ่มต่ำ 3.1 ภาคเหนือ บริเวณแม่น้ำน่าน จังหวัดน่าน และจังหวัดอุตรดิตถ์ แม่น้ำเข็ก และแม่น้ำ แควน้อย จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี แม่น้ำปิง คลองวังเจ้า และคลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร

 

3.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณแม่น้ำชี ช่วงอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และแม่น้ำมูล ช่วงอำเภอพิมาย และลำเชียงไกร อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา  3.3 ภาคกลาง บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองโผงเผง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3.4 ภาคตะวันออก บริเวณแม่น้ำปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี

 

4. เฝ้าระวังแม่น้ำโขง บริเวณจังหวัดเลย จนถึงจังหวัดอุบลราชธานี มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้

 

1.ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ

 

2. ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 90 หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาบริหารจัดการเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก

 

3. ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอ่างเก็บน้ำ อาคารบังคับน้ำ และติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วม ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

4. เตรียมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที

 

5. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์