นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ระนอง ว่า ตนได้รับข้อเสนอของภาคเอกชนจังหวัดระนอง เพื่อไปประสาน ศบค. เร่งขอวัคซีน เพื่อมาฉีดให้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายในระยะเร่งด่วน 6,400 คน และขานรับข้อเสนอเกาะพยามคอนเน็ก เชื่อมโยงภูเก็ตแซนบ็อกซ์ และสมุยพลัส
โดยในประเด็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากจังหวัดระนองมีประชากรประมาณ 190,000 คน ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 68% แต่ประเด็นสำคัญคือ ผู้ประกอบการและเจ้าของโรงงาน ที่เป็นภาคการผลิตสำคัญของจังหวัดระนอง เศรษฐกิจภาคใต้ รวมถึงการส่งออกด้วย ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้แรงงานต่างด้าว จังหวัดระนองมีแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 40,000 คน ที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐจัดหาวัคซีนมาฉีดให้ทั้งหมดโดยเร็ว
ทั้งนี้ ต้องมีการคัดกรองออกมาเฉพาะภาคธุรกิจและโรงงานที่มีความจำเป็นจริง ๆ ก่อน เช่น ที่ผลิตอาหาร ที่ผลิตสินค้าส่งออก เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจของระนอง มีอยู่ประมาณ 7-8 โรงงาน รวมทั้งแพปลาอีกประมาณ 250 แห่ง ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย มีจำนวนรวมกันประมาณ 6,400 คน
จึงต้องขอให้ ศบค.จัดสรรวัคซีนเร่งด่วนมาให้ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ ตนในฐานะประธานเขตตรวจราชการฯ ได้รับเรื่องไปประสานกับ ศบค.และกระทรวงแรงงานต่อไป
และประเด็นที่ 3 ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวเสนอให้เกาะพยาม ภายใต้ชื่อโครงการเกาะพยามคอนเน็ก เป็นจุดเชื่อมต่อกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กับสมุยพลัส นั่นหมายความว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาภูเก็ต 7 วันแล้ว
นอกจากจะไปเที่ยวที่พังงาและกระบี่ได้แล้ว ขอให้ไปเที่ยวเกาะพยามได้ด้วย หรือนักท่องเที่ยวที่ไปเกาะสมุย ภายใต้โครงการสมุยพลัส เมื่อครบตามเวลาที่จะไปต่อ ขอให้ไปต่อที่เกาะพยามได้
ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ดี และรัฐบาลในภาพรวมก็ส่งเสริมการเปิดจุดต่าง ๆ อยู่แล้วที่มีความพร้อม สิ่งสำคัญประชากรเกาะพยามก็ไม่เยอะ เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนให้ครบ 70 % ก็ใช้วัคซีนไม่มาก ซึ่งได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 58 % ตนก็จะนำเสนอ ศบค.ให้ต่อไปด้วย