นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กลุ่ม กฟผ. มีแผนสร้างรายได้เพิ่มจากธุรกิจนวัตกรรมพลังงานและเทคโนโลยีแห่งอนาคต (New S-Curve) โดยการสร้างตลาดและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ด้านพลังงาน เพื่อรับมือกับ Energy Disruption ที่เกิดขึ้น และมุ่งต่อยอดงานวิจัยด้านนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ของกลุ่ม กฟผ. สู่เชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ จึงได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER COMPANY LIMITED) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 โดยได้ดำเนินการจดทะเบียนบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีผู้ถือหุ้นร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กฟผ. ,บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) ถือหุ้น 40%, 30% และ 30% โดยวงเงินลงทุนในบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด รวม 2,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 150 ล้านบาท และจะทยอยลงทุนเพิ่มเติมจนครบจำนวนในระยะเวลา 5 ปี
“การจัดตั้งบริษัทครั้งนี้นอกจากจะเพิ่มศักยภาพทางการลงทุนใหม่ ๆ แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดเชิงพาณิชย์ในงานวิจัยและนวัตกรรม ของ กฟผ. และกลุ่ม กฟผ. รวมถึงลงทุนในธุรกิจพลังงานในอนาคต (Future Energy) และ Startup ในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งในที่สุดแล้ว จะส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม และผลักดันไปสู่ประเทศแห่งนวัตกรรม (Innovation Nation) ที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามนโยบาย Thailand 4.0”
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนธุรกิจนอกเหนือจากผลิตไฟฟ้าไว้ที่ 20% ซึ่งรวมถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านไฟฟ้าและพลังงานที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิตถัดไป (Next normal) หลังวิกฤติโรคติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) รองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุดดิจิทัล (Digital Transformation) และสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคตอันใกล้นี้
“บริษัทฯ มั่นใจว่า อินโนพาวเวอร์ จะเป็นกลไกที่ไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาและต่อยอดเชิงพาณิชย์ในงานวิจัยและนวัตกรรมของ กฟผ. เท่านั้น แต่ยังจะช่วยเสริมสร้างฐานธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ และกลุ่ม กฟผ. ให้ขยายใหญ่และเติบโตมั่นคงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ราช กรุ๊ป จะได้นำประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจเชิงธุรกิจเข้าไปเสริมการพัฒนาและลงทุนนวัตกรรมต่าง ๆ ให้สามารถตอบสนองโมเดลธุรกิจใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจที่เน้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดวิถีชีวิตของสังคมในยุคดิจิทัล ตลอดจนช่วยสร้างตลาดและขยายฐานลูกค้าของอินโนพาวเวอร์ เพื่อให้อินโนพาวเวอร์มีรายได้และเติบโตได้ตามเป้าหมาย”
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า การร่วมทุนจัดตั้งบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เป็นก้าวสำคัญในการรับมือและตอบสนองต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมพลังงาน โดยจะเป็นบริษัทเรือธงด้านนวัตกรรมไฟฟ้าของกลุ่ม กฟผ. ในขณะเดียวกัน บริษัทนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ Smart Energy Solution ของเอ็กโก กรุ๊ป เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคต โดย เอ็กโก กรุ๊ป จะเน้นการต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีด้านไมโครกริด ด้านระบบกักเก็บพลังงาน และด้านยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะสอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน คือ Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth
บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด จะดำเนินการผ่าน 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ หน่วยงานสนับสนุนแนวคิดทางธุรกิจใหม่ (Collaborator) หน่วยงานเพื่อการบ่มเพาะธุรกิจ (Incubator) หน่วยงานเพื่อเร่งการเติบโตธุรกิจ (Accelerator) และหน่วยงาน Corporate Venture Capital (CVC) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทในกลุ่ม กฟผ. สามารถรับมือและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม และยั่งยืน