นายวชิระ แก้วกอ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า หากวิเคราะห์ถึงมุมมองของชาวฟิลิปปินส์ที่มีต่อสินค้าประเภท แฟชั่น ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ของไทยแล้ว ถือว่าสินค้าของเราได้รับความนิยมและมีจุดแข็งหลักจากการที่สินค้าไทยมีคุณภาพภายใต้ระดับราคาที่เหมาะสม มีความโดดเด่นในเรื่องของการพัฒนาเทรนด์เป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน ทั้งนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนประชากรกว่า 100 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยกลางคน ซึ่งเป็นกลุ่มผุ้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของธุรกิจความงามในอนาคต ที่สำคัญคือ ปัจจุบันฟิลิปปินส์นำเข้าสินค้าความงามจากไทยกว่า 33% นับเป็นตลาดดาวรุ่งที่ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสนใจ โดย สสว. พร้อมที่จะช่วยเหลือ สนับสนุน เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาด
"งาน Thailand – Philippines Online Business Matching 2021 (Fashion & Beauty Products) เป็นกิจกรรมหนึ่งใน โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ปีงบประมาณ 2564 ที่นำผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม เข้าร่วมกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ร่วมกับ ผู้ประกอบการ ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าที่มีศักยภาพจากประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 68 ราย เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 190 คู่ สินค้าที่ได้รับความนิยมและสนใจจากผู้ซื้อฟิลิปปินส์ จะเป็นกลุ่มสินค้าความงาม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ที่มีดีไซน์เรียบๆ แต่ทันสมัยคล้ายผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการซื้อขายต่อจากนี้ถึง 60 ล้านบาท นับเป็นการย่อโลกธุรกิจ ให้การเจรจาทางการค้าง่ายและใกล้กันมากขึ้น"
ทั้งนี้ ในส่วนของทิศทางทางการขับเคลื่อนผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับธุรกิจที่ปรับตัวกลับมาใหม่ (business revamp) หลังการแพร่ระบาดของไวรัส หรือการรับมือกับเศรษฐกิจบูมหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Post Pandemic BOOM) สสว. ได้เตรียมความพร้อม ให้กับผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้ เพื่อจะได้เกิดการขับเคลื่อนหลังจากนี้ มีโครงการหลายรูปแบบที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการผลักดันให้ได้มีโอกาสเปิดตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อเป็นประสบการณ์ เป็นการขยายโอกาสของผู้ประกอบการ ทั้งในด้านศักยภาพการแข่งขันและการเพิ่มพื้นที่การจำหน่าย ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ แม้ว่าการแพร่ระบาดของ Covid-19 ยังไม่หมดไป ช่วงนี้ควรเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการ จะได้เชื่อมโยง หรือเข้าถึงตลาดต่างประเทศรอไว้ เพื่อที่เมื่อเศรษฐกิจกลับมาเฟื่องฟู ก็จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับการเตรียมตัวรับมือกับ Post-Pandemic BOOM ที่จะเกิดขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ได้ฉายภาพให้ผู้ประกอบการมองภาพของการจับจ่ายใช้สอยที่จะเพิ่มมากขึ้น หรือเกิดการบริโภคที่พุ่งทะยาน หลังจากอัดอั้นมานานจากการถูก lockdown ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะและผู้ประกอบการควรใช้เวลาในช่วงนี้ ไปกับการปรับปรุงธุรกิจ มองหารูรั่วหรือข้อบกพร่องในการดำเนินการ แล้วแสวงหาแนวทางที่จะลดค่าใช้จ่ายในจุดนั้นลงให้มากที่สุด รวมทั้งหาโอกาสพัฒนาตนเองและทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ upskill หรือ reskill ก็ตาม หรือทำการวินิจฉัยธุรกิจตนเองว่ามีความแข็งแกร่งด้านใด อ่อนแอที่จุดไหน แล้วทำการแก้ไขปรับปรุง ให้เกิดความพร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อ จะเป็นผู้ได้เปรียบและสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจเมื่อผู้คนกลับมามีชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง