ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเชียงใหม่ “Open Chiang Mai to The Next Pages” พร้อมด้วยนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และเเปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ นายสุนทร ยามศิริ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรมนี้เพื่อประกาศถึงความพร้อม ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และกลุ่มชาวต่างชาติพำนักในประเทศไทย (Expat) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศการท่องเที่ยวไทย และกระตุ้นระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ สอดรับกับฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดในช่วงปลายปี ณ สนามกอล์ฟซัมมิท กรีน วัลเล่ย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่พร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งที่พัก แหล่งท่องเที่ยว อากาศที่เย็นสบาย ทั้งนี้ ยังคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกประกาศ (ฉบับที่ 31) เรื่องแนวทางปฏิบัติตามคำสั่งและประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพิ่มเติม ลงวันที่ 1 กันยายน 2564 กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถผ่อนผันไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้
ในกรณีเป็นผู้ที่เคยป่วยด้วยโควิด-19 ไม่เกิน 3 เดือน นับจากการรักษาสิ้นสุด โดยแสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ หรือ ผู้ที่มีผลตรวจแบบ Antigen Test Kit (ATK) จากสถานพยาบาลไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ หรือเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด และสามารถขอผ่อนผันยกเว้นไม่กักตัว 14 วัน ได้ โดยต้องเป็นผู้ที่เคยป่วยด้วยโควิด-19 ไม่เกิน 3 เดือน หรือ ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
สำหรับผู้เดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ จะต้องลงทะเบียนแจ้งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน “CM-CHANA” ก่อนเดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ รายงานตัวต่อเจ้าหน้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ สังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด (Self-monitoring) และปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคตามที่สาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
ส่วนการบริหารการฉีดวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีผู้ได้รับการฉีดมีผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วอยู่ที่ 650,646 คน คิดเป็นร้อยละ 51.59 จากจำนวนประชากรกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 1,261,223 คน ( ข้อมูลจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 )
ดังนั้น ความพร้อมในเรื่องของการเปิดเมืองในเดือนพฤศจิกายน ต้องมีการปรึกษาหารือกับทาง ททท. มีการประชุมไปแล้วหลายครั้ง กับทั้งทาง ททท.และภาคเอกชนทั้งหลาย ว่าจะมีแนวทางในการที่จะเปิดพื้นที่ใน 4 อำเภอนำร่องก่อน คือ อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า ว่าจะดำเนินการไปได้ขนาดไหน ก็ต้องเร่งการฉีดวัคซีนให้ครบ 70% ของจำนวนประชากรหรือจำนวนคนที่อยู่ในพื้นที่ใน 4 อำเภอนี้ และอำเภอข้างเคียง ให้แล้วเสร็จก่อนก็จะได้ดำเนินการต่อไป
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และเปซิฟิกใต้ ททท. เปิดเผยถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ และทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาและเติบโตของเมืองเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ มีศักยภาพภาพด้านเศรษฐฏิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม ภูมิปัญญาและแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น
จากสถิติปี 2562 จังหวัดเชียงใหม่ มีรายได้จากท่องเที่ยว 109,057 ล้านบาท ถือเป็นอันดับ 5 ของประเทศ จากจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 10.82 ล้านคน ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทย 7.44 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 3.37 ล้านคน
ด้วยความพร้อมของพื้นที่ในการกำหนดมาตรการควบคุมโรคที่เข้มแข็ง การกระจายวัคซีนภายในพื้นที่ และฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงปลายปี ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยว ชมธรรมชาติที่สวยงามและสัมผัสบรรยากาศภูมิอากาศที่เย็นสบาย
เชียงใหม่เป็นพื้นที่สำคัญที่อยู่ในแผนการเปิดประเทศ ที่ผ่านมาเราเปิดที่ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และ สมุยก็เปิดมาแล้ว ภาคไต้เปิดมาหลายจังหวัดแล้ว คราวนี้เป็นคิวของทางภาคเหนือบ้าง ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดต้น ๆ ที่อยู่ในแผนในการเปิดประเทศในครั้งนี้ การทำงานครั้งนี้ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากทางจังหวัด ทั้งภาคเอกชนของเชียงใหม่ก็ดี โครงการนี้ทำไม่สำเร็จ
จากการประชุมเตรียมการกับทางจังหวัดและทางภาคเอกชนมาหลายๆ ครั้ง พบว่าท่าทีของคนในพื้นที่มีท่าทีที่ชัดเจนมาก ในความพยายามที่จะสนับสนุนบูทเศรษฐกิจทางการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวของเชียงใหม่ให้กลับมา
ดังนั้น การกำหนดมาตรการต่างๆของทางเชียงใหม่ถือว่ามีความเข้มข้น แน่นอนว่าขณะที่เรากำลังรุกในการที่จะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเลื่อนการเปิด จากตุลาคมไปจนถึงพฤศจิกายน
ททท.มองว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่เสียหายใด ๆ เราจะใช้เวลาในห้วงตลอดเดือนตุลาคมซ้อมมาตรการต่าง ๆ กับนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งวันที่ 1 ตุลาคมถือเป็นวันแรกที่เราจะคลิกออฟ ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้เดินทางเข้ามาสู่จังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ปฏิบัติตัวตามกฏเกณฑ์ง่าย ๆ เรื่องของการฉีดวัคซีนครบโดส เรื่องของการมีผลตรวจ ATK เป็นลบ ก็สามารถที่จะเดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ได้ เพราะว่าคนไทยมีสิทธิ์ที่จะเดินทางไปได้ทั่วประเทศไทย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าตุลาคมเป็นเดือนแรกของฤดูกาลท่องเที่ยวของทางเชียงใหม่
นอกจากนี้สถานประกอบการ แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เข้าสู่มาตรฐาน SHA พลัส ของ ททท. และในวันนี้ได้มีพิธีรับมอบใบประกาศนียบัตร SHA Plus ให้กับผู้ประกอบการจำนวน 9 ราย และ ในขณะนี้มีผู้ประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน SHA พลัส กว่า 100 ราย มีการลงทะเบียนยื่นขอมาตรฐาน SHA พลัส ไว้อีกกว่า 200 ราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการในสถานประกอบการต่าง ๆ ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA พลัส
โดยพนักงานรับวัคซีนครบ การเว้นระยะห่าง การจำกัดจำนวนที่จะเข้าไปในพื้นที่แต่ละพื้นที่ในเชียงใหม่ คิดว่าเหล่านี้ล้วนเป็นวิธีปฏิบัติที่ถือว่าเป็นภาคปกติ ที่ทุกคนจะต้องใส่ใจเอาไว้ และไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่นักท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่รับมือกับโควิด-19 ก็ต้องปฏิบัติกันเช่นนี้
และเมื่อ 1 พฤศจิกายนมาถึง ก็แน่ใจว่าการที่จะพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมอำเภอ 4 อำเภอหลัก เปิดเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ก็อยู่ในมาตรการซีลด์ ทางจังหวัด ทางบริษัทนำเที่ยว ภาคเอกชนให้การดูแลเป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวจะอยู่ภายใต้การดูแลของทางหน่วยงานทั้งหลายอย่างใกล้ชิด เพื่อ แน่ใจว่าเขาเดินทางไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย แล้วกลับสู่ที่พักอย่างปลอดภัยเช่นกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่ได้สร้างความตระหนักให้กับคนในพื้นที่ ผมอยากให้ความรู้สึกนี้เป็นหนึ่งเดียวทั้งในแง่ของแขกผู้มาเยือนและเจ้าของบ้านที่จะเป็นผู้ต้อนรับ
ในการนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการและชาวเชียงใหม่ เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อเร่งฟื้นฟูรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศให้ยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง นำไปสู่การเป็น High-Value and Sustainable Tourism ตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ
โดยระหว่างนี้ ททท. ได้ดำเนินกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” โดยเริ่มเปิดลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 ผ่านเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com และสามารถเริ่มจองที่พักผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 จำนวน 2,000,000 สิทธิ์ จำกัดคนละ 15 สิทธิ์ สามารถเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 – 31 มกราคม 2565 เพื่อกระตุ้นการเดินทางข้ามจังหวัด สร้างบรรยากากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการทัวร์เที่ยวไทย ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จากการนำเสนอขายแพ็กเกจท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์ ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ซึ่งกำหนดให้ผู้ใช้สิทธิ์ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ จำกัด 1 คน 1 สิทธิ์ รวมทั้งสิ้น 1,000,000 สิทธิ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 - 31 มกราคม 2565 โดยประชาชนต้องติดต่อผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรงเพื่อจองแพ็กเกจทัวร์ ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย 40% ไม่เกิน 5,000 บาท และผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถสมัครร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 พร้อมกันได้
ทั้งนี้ ในปี 2564 ททท. คาดการณ์แนวโน้มว่าประเทศไทยจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อยู่ที่ 625,700 ล้านบาท แบ่งเป็นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 85,000 ล้านบาท ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 100 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 540,700 ล้านบาท
นายธเนศวร์ กล่าวอีกว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่มีตัวเลขจากวันละแค่หลัก 100 คน ณ วันนี้ตัวเลขล่าสุดมีถึง 2,000 กว่าคนแล้ว จำนวนเที่ยวบินก็เพิ่มขึ้น นี้คือดัชนีที่ชี้ชัดให้เห็นว่ากระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาแล้ว นักท่องเที่ยวของเราถูกขอความร่วมมือให้อยู่กับบ้านเป็นระยะเวลานานแล้ว แล้วตุลาคมเป็นช่วงที่อากาศเริ่มดี เข้าสู่ฤดูหนาว และโดยลักษณะความรู้สึกของนักท่องเที่ยวคนไทยฤดูหนาวก็ต้องขึ้นเหนือ และเชียงใหม่ก็เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของภาคเหนือ
คาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาในเชียงใหม่ แบ่งเป็น 2 ส่วน 2,000 กว่าคนขณะนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางกรุงเทพฯ หรือจากจังหวัดต่าง ๆ บินเข้าสู่เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เราจะเริ่มเห็นมีนักท่องเที่ยวจากประเทศเป้าหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี ไต้หวัน อเมริกาหรือยุโรป เริ่มทยอยเข้ามา ซึ่งตรงนี้พูดตัวเลขไปก็อาจจะยังไม่มีความแน่นอน แต่แน่ใจว่าตัวเลขโดยเฉลี่ยวันละ 2,000 คน จะเป็นตัวเลขเริ่มต้นสำหรับเทศกาลท่องเที่ยวเชียงใหม่ คงมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเป็น 2,500 คน 3,000 คน เมื่อบวกกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาก็อาจจะเพิ่มเป็น 4,000 คนหรือ 5,000 คนก็อาจเป็นไปได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญ ตัวเลขจะเท่าไหร่ก็ตามมาตรการในการดูแลในการรับรองในการที่จะดูแลความปลอดภัยตรงนั้นสำคัญมากกว่า อันนี้เป็นสิ่งที่คิดว่าทางจังหวัด ทาง ททท.และทางภาคเอกชนให้ความใส่ใจมากว่าตัวเลข
ด้านนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ เผยว่า จากวิสัยทัศน์ขององค์กรบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่ โดยหยิบยกอัตลักษณ์ของการสืบทอดและอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะท้องถิ่น เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับชุมชน
โดยส่งเสริมความร่วมมือกันของชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านกิจกรรมและโครงการด้านการท่องเที่ยว ผ่านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ โครงการป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2564 ณ ข่วงประตูท่าแพ โครงการนครเชียงใหม่เมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ขององค์การยูเนสโก โครงการเมืองใหม่สู่เมืองมรดกโลก เป็นต้น
สำหรับการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่นั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานในหลายภาคส่วน ได้แก่
1) การจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์น่า (Moderna) จำนวน 100,000 โดส สำหรับประชาชนชาวเชียงใหม่ 5 กลุ่มเปราะบาง งบประมาณ 110 ล้านบาท
2) มอบชุดตรวจเชื้อโควิด-19 (Antigen Test Kit : ATK ) จำนวน 10,000 ชุด ให้กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการตรวจคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
3) โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลรายงานสถานการณ์ฝุ่นควัน PM 2.5
4) ดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์แนวทางการเปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยว ผ่านช่องทางออนไลน์ของหน่วยงาน รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อสร้างความเข้าใจ อันดีต่อมาตรการจังหวัด และ
5) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ตามมาตรฐาน Amazing Thailand Safety and Health Administration : SHA เพื่อให้บริการหรืออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
นายสุนทร ยามศิริ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวถึง กิจกรรมประเพณีที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ เดือนพฤศจิกายนนี้ ได้แก่ ประเพณียี่เป็ง เป็นประเพณีลอยกระทงแบบล้านนาในช่วงวันขึ้นสิบสามถึงสิบห้าค่ำ งดงามด้วยสีสันของผางประทีป และเที่ยวชมไม้ดอกที่บานสะพรั่ง ในช่วงสัปดาห์งานเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับ และอีกหนึ่งประเพณีที่สำคัญและสวยงามมากของจังหวัดเชียงใหม่ คือ ประเพณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะจัดขึ้นอย่างสวยงามและคงคุณค่าทางวัฒนธรรมของประเพณีล้านนา และสะท้อนอัตลักษณ์ของเชียงใหม่ได้อย่างดียิ่ง
ทางด้านนายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ ทั้งด้านของผู้ประกอบการ ภาพรวมของการกระจายวัคซีน มาตรการควบคุมดูแลพื้นที่ด้านปลอดภัยและสุขอนามัย รวมไปถึงพื้นที่เศรษฐกิจของเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นถนนคนเดินต่าง ๆ ทั้งถนนราชดำเนิน ถนนวัวลาย ย่านไนท์ บาซาร์ ถนนนิมมานเหมินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยใช้ Model Blue Zone เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ให้ตัดสินใจเดินทางเข้ามาสัมผัสกับเสน่ห์บรรยากาศของความเป็นเชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งกว่าเดิม ตลอดจน แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย
ทั้งยังสะท้อนมิติใหม่ ๆ ของเมืองเชียงใหม่ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับ นักท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม อาทิ ผู้รักหลงรักกาแฟ Café Hopping กลุ่ม Workation กลุ่ม Digital Nomad ผู้ที่ต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ชุมชน ศิลปะ ดนตรี หรือสถานที่ทำกิจกรรมทางกีฬา
ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันความพร้อมในการเปิดบ้านเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวพี่น้องชาวไทย และกลุ่ม Expat ในการกลับมาเป็นเจ้าบ้านที่ดีและน่ารักด้วยเสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่และชาวเชียงใหม่ ภายใต้ Open Chiang Mai to The Next Pages ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 นี้