จากนโยบาย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดโปโมชั่น แจกไข่ไก่ ร่วมกับค่ายปั๊มน้ำมัน และไข่ไก่ธงฟ้า เกิดภาวะไข่ใก่ล้นตลาด ประกอบกับปัจจุบันเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค "COVID-19" ทำให้เกิดการชะลอตัวของการรับซื้อของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เกษตรกรขาดช่องทางในการกระจายผลผลิต
เนื่องจากธุรกิจบริการไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ไม่เปิดให้บริการ จึงเกิดภาวะไข่ใก่ล้นตลาด ดังนั้นกรมได้เข้าไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไข่ไก่ต้องการ รักษาเสถียรภาพด้านราคาและปรับสมดุลกลไกตลาด จะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวแล้ว
แหล่งข่าวผู้เลี้ยงไก่ไข่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ก่อนหน้านี้ หลายคนบ่น เรื่องชดเชยการส่งออก แต่ ก็ยังดีกว่า การเอาเงินมาซื้อไข่แจกเพราะ การส่งออก ไข่หายไปจาก ระบบ แต่แจก แบบนี้ หรือ แม้แต่ ไข่ไก่ธงฟ้า มาตราการ พวกนี้ คือ การทำลาย ระบบการตลาด บางส่วนทำให้ระบบ โดยร่วมได้รับผลกระทบ ไปด้วย
“ไข่ไก่ที่เอามาแจก มาจาก พ่อค้าคนกลาง ราคาที่ได้จากกระทรวงพาณิชย์ ตกถึงท้องเกษตรกรเท่าไหร่ ใครทราบบอกด้วย กระทรวงพาณิชย์ทำไปเพื่อ ให้คนที่ได้ประโยชน์ เพียงกลุ่มเดียว แล้วต้องการให้คนกลุ่มนี้ต่อต้านราคาเวลาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกิน 3 บาท/ฟอง ใช่หรือไม่”
นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ "ต่อต้านการเปิดเสรีพ่อแม่พันธุ์" เพื่อนายทุน ของตัวเอง ถ้าการเปิดเสรีพันธุ์สัตว์ ทำให้ราคาตกต่ำ แล้วตอนนี้ยังไม่เปิดเสรียังไม่ได้เพิ่มจำนวน พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ เหตุใดราคาไข่ไก่ถึงได้ลงราคา ในเมื่อ พันธุ์สัตว์ ยังไม่ถูกกระจายตกมาถึงมือเกษตรกรเลยสักตัวเดียว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า มี "เกษตรกร" ที่สวมหมวก 3 ใบ ที่เลี้ยงไก่เอง รับซื้อไข่ไก่ในกลุ่มเอง และรับอาหารจากนายทุนมาขายในกลุ่มของตัวเอง บวกกำไร จาก เกษตรกรทั้งไปทั้งกลับ กำไรหลายชั้นมาก เอาพันธุ์มาให้ อาหารมาให้มีกำไร เอาไข่ไก่กลับไป เอาพันธุ์สัตว์ที่ปลดระวางออกไปจากฟาร์มมีกำไร
“เกษตรกร ไม่มีทางเลือก สักวันหนึ่งก็หมดอาชีพ พยามดึงภาครัฐมามีส่วนร่วมรับผิดชอบ หาเงินชดเชย อย่างเดียวโดยไม่หาวิธีการลดต้นทุนให้เกษตรกรเลย แก้ไขปัญหาช่วงสั้นๆ ไปวัน ถ่วงเวลาเพื่อให้นายทุน ตักตวงผลประโยชน์จากเกษตรกรทุกชาติไป”
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการการค้า พันธุ์สัตว์เคยขาดทุนกันบ้างไหม ปัจจุบัน ราคา 150-160 บาทต่อตัว เพิ่มจากราคาในอดีต 80-110 บาทต่อตัว ตั้งข้อสังเกต "ไก่สาว" ไม่เคยล้นตลาด แต่ "ไข่ไก่ล้น" ตลอด หากเป็นอย่างนี้ "ปล่อยเสรีนำดีกว่า ส่วนกรมปศุสัตว์ก็น่าส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่มาเปลี่ยนเป็นเลี้ยงไก่สาวแทน ไม่ขาดทุนเลย
อีกทั้งนโยบาย จากภาครัฐ ที่พยายามปลดไก่ ทั้งๆที่ยังสามารถทำกำไร ให้ฟาร์มได้ แต่ถ้าลองประกาศเป็นปลดไก่ช้าไปอีก 15 -20 สัปดาห์รับรอง พันธุ์สัตว์ราคาถูกลงแน่นอนและจะกระจายได้ทั่วถึงรายย่อยด้วย จากศักยภาพของพันธุ์ไก่ไข่ ทุกวันนี้ทำได้แบบสบายๆถ้า ระบบเปลี่ยนพันธุ์สัตว์จะเหลือทันทีกับจำนวนพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS) ในปัจจุบัน
“คำถาม ที่คงหาคำตอบไม่ได้ คือทำไม ต้องปลดไก่ยืนกรง ที่ 70-75 สัปดาห์ ซึ่งถ้ายืดออกไป ทุกฟาร์ม ก็ยังมีกำไรและยืดรอบการเข้าพันธุ์สัตว์ได้อีกเพราะอะไรช่วยคิดหน่อย”