ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ได้นำทีมกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตถุงมือยางไทย ได้รวมตัวกัน 9 โรงงาน จำนวน 14 ราย ได้เดินทางเข้าพบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และประธานกรรมการมูลนิธิไทยพึ่งไทย เพื่อนำปัญหาของผู้ผลิตถุงมือยางไทย
“โดยประกาศที่จะให้ประเทศไทย เป็น Hub ผู้ผลิตถุงมือยางของโลก ทั้งลาเท็ก และไนไตร เพื่อให้ทั่วโลกสนใจเล็งเห็นถึงความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตของถุงมือยางที่มีคุณภาพมาตรฐานนำไปใช้ในการป้องกันโรคไวรัสโควิด- 19 และในสถานประกอบการต่างๆ"
นายอุทัย กล่าวว่า ดังนั้นประเทศไทยจึงควรแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโดยรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกยางจากเดิม 14 % เป็น 30 % กลุ่มอุตสาหกรรมถุงมือยางจึงได้นำเสนอปัญหาอุปสรรค ให้คุณหญิงสุดารัตน์ จะได้นำไปแก้ไขปัญหา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของประเทศชาติ โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางที่ขายยางได้ในราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตอยู่ในขณะนี้
โดยหัวใจสำคัญที่ได้มีการรวมตัวกันในครั้งนี้ คือทุกฝ่ายจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และช่วยกันสอดส่องในการซื้อขายถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐานการส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งในอนาคต สมาคมวิชาการและสมาคมถุงมือยาง จะช่วยตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานก่อนเพื่อให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศทั่วโลกมีความเชื่อมั่นและหันมาสนใจสั่งซื้อถุงมือยางไทยเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมถุงมือยางได้ขอให้พรรคไทยสร้างไทย หากมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลขอให้ช่วยขยายฐานการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็น Hub ถุงมือยางของไทย โดยให้มีการยกเว้นภาษีให้เหมือนกับที่ให้การสนับสนุน EEC โดยขอยกเว้น BOI 8 ปี ลดภาษีส่วนบุคคล 10 ปี และชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ 3 % ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 ปี
โดยมีข้อแม้ว่าจะผลิตถุงมือยางพาราอย่างน้อย 50% ไนไตร 50 % ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ รับในหลักการและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทั้งนี้เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมยางพารา เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ และภาพรวมของประเทศชาติ