ประกันรายได้ข้าว 64/65 งวดที่ 1 พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีมีประชุม ครม.เช็คด่วน

03 พ.ย. 2564 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2564 | 14:08 น.

ประกันรายได้ข้าว 64/65 งวดที่ 1 หลัง กระทรวงพาณิชย์ เคาะราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงแล้วเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีมีประชุม ครม.นัดถกประชุม หลัง “ประยุทธ์” บินกลับจากประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เกาะติดประกันรายได้ข้าว จากกรณีที่ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และรายละเอียดการจ่ายชดเชยตามโครงการประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต 2564/65 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 โดยมติที่ประชุมเห็นชอบให้คงหลักการการกำหนดผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ แหล่งที่มาของราคา และการคำนวณราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเช่นเดียวกับโครงการประกันรายได้ ปีที่ 1 และปีที่ 2

 

โดยก่อนหน้านี้ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน กล่าวว่า สำหรับการคิดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงจะเฉลี่ยมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ราคาข้าวเปลือกที่กรมการค้าภายในสืบ ราคาข้าวเปลือกจากสมาคมโรงสี และราคาข้าวเปลือกที่คำนวณจากราคาข้าวสาร ซึ่งการคำนวณราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงจะใช้ราคารายวันย้อนหลัง 7 วัน จากทั้ง 3 แหล่งมาเฉลี่ย เพื่อให้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงที่ได้เป็นปัจจุบัน และ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงงวดที่ 1 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จะใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลังระหว่างวันที่ 5-14 ตุลาคม 2564 โดยได้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างข้าวแต่ละชนิด ดังนี้

• ข้าวเปลือกหอมมะลิ 10,864.23 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 4,135.77 บาท

• ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 10,407.75 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 3,595.25 บาท

• ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 9,947.87 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 1,052.13 บาท

• ข้าวเปลือกเจ้า 8,065.38 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 1,934.62 บาท

• ข้าวเปลือกเหนียว 7,662.53 บาท/ตัน ชดเชยตันละ 4,337.47 บาท

 

ประกันรายได้ข้าว 64/65 งวดที่ 1 พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีมีประชุม ครม.เช็คด่วน

โครงการประกันรายได้ได้กำหนดราคาประกันที่ความชื้นที่ 15% เรียกข้าวแห้ง แต่ปัจจุบันเกษตรกรจะเกี่ยวสดและนำไปจำหน่าย ซึ่งจะมีความชื้นสูงประมาณ 28% -30% เรียกข้าวเปียก เมื่อหักความชื้นตามน้ำหนักไปแล้วก็จะได้ราคาที่ใกล้เคียงกัน เช่น ข้าวเปลือกเจ้า เกษตรกรจำหน่ายได้ 6,200-6,400 บาท/ตัน เมื่อหักความชื้นแล้วก็จะเป็นข้าวแห้งที่ประมาณ 8,000-8,100 บาท/ตัน

 

สำหรับการโอนเงินส่วนต่างงวดแรกตามโครงการประกันรายได้ปี 2564/65 ธ.ก.ส. จะดำเนินการได้ภายหลังจาก ครม. ได้รับทราบผลการหารือเกี่ยวกับอัตราต้นทุนเงินของ ธ.ก.ส. ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ซึ่งกรมการค้าภายในได้จัดให้มีการหารือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 และจะได้นำเสนอในการประชุม ครม. เพื่อรับทราบในสัปดาห์หน้านี้ โดยการจ่ายเงินชดเชยประกันรายได้ในปีที่ 3 ก็คงหลักการเช่นเดิม โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันทำการหลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเช่นเดียวกับปี 1 และปี 2

 

เกษตรกรที่สมัครใช้บริการ BAAC Connect จะได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่าน LINE Official BAAC Family เมื่อเงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว หรือสามารถ เช็คเงินเกษตรกร ตรวจสอบเช็คเงินช่วยเหลือชาวนา “เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 500” ผ่านเว็บไซต์โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

 เข้าไปที่เว็บไซต์ https://chongkho.inbaac.com/ 

  • กรอกเลขที่ บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก
  • คลิก ค้นหา 

ประกันรายได้ข้าว 64/65 งวดที่ 1 พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีมีประชุม ครม.เช็คด่วน

 

ขณะที่  กระทรวงพาณิชย์  ไม่สามารถนำราคากลางประกันรายได้ข้าวปี 64/65  เข้าที่ประชุมแจ้งให้ คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. รับทราบ  เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางไปเมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. - 3 พ.ย. 64

 

 

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บินกลับจากประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร คืนนี้ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น คือ ( 4 พ.ย.) มีวาระประชุมคณะรัฐมนตรี คาดว่า กระทรวงพาณิชย์ นำเรื่องเกณฑ์ราคากลางกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และรายละเอียดการจ่ายชดเชยตามโครงการประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต 2564/65 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หลังที่ประชุมรับทราบ หลังจากนั้น ธ.ก.ส.ดำเนินโอนเงินให้กับเกษตรกรภายใน 3 วัน.

 

ที่มา: กรมการค้าภายใน