วันนี้ (30พ.ย.64)นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งเครื่องเดินหน้าเศรษฐกิจ กำชับให้เร่งรัดการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีให้เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2564 ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2564 มีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม จำนวน 269,883 ล้านบาท หรือคิดเป็น 89% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม
สำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2565 ส่วนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ ที่ได้เริ่มการเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 2565 มา 1 เดือน (ตุลาคม 2564) มีผลการเบิกจ่าย 3,222 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม
รัฐวิสากิจที่สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผนและมีการเบิกจ่ายสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
โดยโครงการขนาดใหญ่สำคัญที่เบิกจ่ายได้ตามแผน อาทิ
ทั้งนี้เมื่อไปดูในส่วนของรัฐวิสากิจที่เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผนนั้น พบว่าทั้ง 3 อันดับ เป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงคมนาคมทั้งหมด
โดยอันดับ 1 ที่เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผน เป็น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. คิดเป็น 89%
รองลองมา เป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. อยู่ที่ 73% และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. อยู่ที่ 70% ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายล่าช้า พบว่ามีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (2554-2560)ทอท.เบิกจ่ายล่าช้า 65%
โครงการสร้างทางวิ่งที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. เบิกจ่ายล่าช้า 62%
นอกจากนั้นเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ระยะที่1)รฟท.และ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ นครปฐม-ชุมพร รฟท. เบิกจ่ายล่าช้าที่ 59%
ทั้งนี้ ยังพบว่า โครงการสร้างทางวิ่งที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของทอท.นั้น มีวิศวกรก่อสร้างและบริษัทผู้รับเหมาที่ได้รับสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ออกมาเปิดเผยว่า ถูกระดับผู้บริหารทอท.กดดันให้ลดสเปกวัสดุอุปกรณ์ไฟฟ้ารันเวย์เส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จึงทำให้เอกชนบริษัทคู่สัญญากังวลถึงความปลอดภัยผู้โดยสารและถือเป็นการทุจริตอาจผิดข้อกฎหมายจึงไม่ขอทำตามการกดดันดังกล่าว จนส่งผลทำให้โครงการนี้เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผนตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้รายงานนายกรัฐมนตรีไปแล้ว