เปิดเกณฑ์เยียวยานักดนตรี ผู้ประกอบการผับ-บาร์ เช็คที่นี่

04 ธ.ค. 2564 | 11:40 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2564 | 18:13 น.

ข่าวดี รัฐบาล เร่งช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ-ลูกจ้างอาชีพกลางคืน ไฟเขียวหลักเกณฑ์เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีอะไรบ้าง เช็คได้ที่นี่

หลังจากที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ผับ บาร์ และลูกจ้างอาชีพกลางคืนเรียกร้องขอให้รัฐบาลออกมาตรการเยียวยาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ (4 ธ.ค.64) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เร่งหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างอาชีพกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานสรุปผลการเจรจากับตัวแทนสมาคมเครือข่ายนักร้อง นักแสดง นักดนตรี และผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ คลับ บาร์คาราโอเกะ

โดยเบื้องต้นกระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้พิจารณาวงเงิน และหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้าง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มนายจ้าง สถานประกอบการ ซึ่งส่วนมากอยู่ในส่วนธุรกิจเอสเอ็มอี รัฐบาลจะให้นโยบายเยียวยารายละ 3,000 บาท ตามจำนวนลูกจ้างต่อเดือน

2.กลุ่มลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 อยู่ในธุรกิจ ผับ บาร์ ทั้งเด็กเสริฟ พ่อครัว เสมียนบัญชี จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 รัฐบาลจะให้ประกันสังคมเยียวยาว่างงานจากเหตุสุดวิสัยจ่าย 50%

ส่วนที่ 2 หากไม่เพียงพบในการใช้จ่ายจะนำส่วนของเงินกู้สภาพัฒน์ฯโดยประมาณการตัวเลขเบื้องต้นไว้ที่ 5,000 บาท 

ทั้งนี้ หากอยู่ในระบบประกันสังคมจะได้ 2 ส่วน โดยให้ประกันสังคมช่วย 50% อีกส่วนขอเงินกู้จากรัฐบาล

3.กลุ่มลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปินอิสระ อาจต้องขึ้นทะเบียนตามมาตรา 40 ของประกันสังคม ได้ตรวจสอบตัวเลขในระบบเบื้องต้นมีจำนวนประมาณไม่เกิน 1.5 แสนรายโดยจะขอให้สมาคม/สมาพันธ์รับรองบุคคลเหล่านี้

รวมทั้งในส่วนผู้ที่เกินอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่เข้าข่ายมาตรา 40 จะประสานให้กระทรวงวัฒนธรรม สำรวจจำนวนเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะนำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณกระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ฯ และนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนในทุกสาขาอาชีพให้ได้รับการดูแล บรรเทาความเดือดร้อน อย่างทั่วถึงและครอบคลุมมากที่สุด โดยได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนต้องทำงานควบคู่กันเพื่อเร่งพิจารณาหาแนวทางและมาตรการที่เหมาะสม

ขณะเดียวกันฝ่ายผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือด้วย โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามมาตรการ COVID Free Setting เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการ โฆษกรัฐบาล ระบุ