นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบให้มีการขยายเพดานวินัยการเงินการคลังจาก 30 %เป็น 35%ของโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวและ ยางพารา ซึ่งขณะนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธกส.สามารถดำเนินการจ่ายได้ โดยงวดที่ 3บางส่วนและงวดที่ 4-7 ซึ่งจะจ่ายได้วันที่ 9 ธันวาคมนี้ เป็นเงินประมาณ 60,000กว่าล้านบาท ส่วนงวดที่ 8 ก็จะเป็นเงิน 3,720 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 9-33 เป็นเงินจำนวน 3,193 ล้านบาท รวมเป็นเงินส่วนต่าง ทั้งหมด 87,000 ล้านบาทจะทยอยดำเนินการต่อจากนี้ในส่วนของประกันรายได้ข้าว
ส่วนโครงการประกันรายได้ยางพารานั้น กระทรวงพาณิชย์ได้ เร่งให้มีการจ่ายเงินส่วนต่างพร้อมกัน คือวันที่ 9 ธันวาคมนี้ เป็นการจ่ายงวดที่หนึ่งและงวดที่สอง ซึ่งตกค้างมาตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน และงวดที่เหลือจะมีการทยอยจ่ายต่อไป
ประกันรายได้ช่วงนี้จ่ายข้าวเป็นหลักเพราะทั้งยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ราคาสูงกว่ารายได้ที่ประกันเกือบทุกตัว มีข้าวเท่านั้นที่ราคาอ่อนลงมาในช่วงที่ผ่านมาเพราะน้ำท่วมและข้าวเปียก ขณะเดียวกันส่งออกได้น้อยในช่วงต้นปีแรก แต่ครึ่งปีหลังส่งออกได้เยอะมาก เดือนละ 700,000-800,000 ตัน จากก่อนหน้านี้เดือนละ 300,000-500,000 ตัน ส่วนราคาข้าวกระเตื้องขึ้นมา ราคาข้าวแห้งมาตรฐานแตะ 8,000-8,100 บาทต่อตัน
“ส่วนนโยบายจำนำข้าว สุดแล้วแต่นโยบายของแต่ละพรรคการเมือง ถ้าเป็นจำนำข้าวต้องระมัดระวังอย่าให้มีการทุจริตเหมือนที่ผ่านมาอีกเพราะเป็นประเด็นใหญ่สำคัญ ถ้าทั้งหมดไปตกอยู่ในมือของพ่อค้าหรือคนที่ทุจริตก็ไม่คุ้มกับการเอาเงินงบประมาณแผ่นดินไปจ่าย” นายจุรินทร์กล่าว