นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลและสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า โดยระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจดูการล่วงล้ำลำน้ำ ก็พบว่ามีส่วนที่ไม่ได้รื้อถอนอยู่ เนื่องจากกรมเจ้าท่าไม่ได้รับงบประมาณในการดำเนินการส่วนนี้ อย่างปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าได้ของบราว 100 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติเลย ซึ่งส่วนนี้ตนได้ให้กรมเจ้าท่าไปจัดทำรายละเอียดเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ธ.ค.64 พิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ยังไม่ได้รับงบประมาณในการรื้อถอน ได้กำชับให้กรมเจ้าท่าสอดส่องดูแลไม่ให้มีสิ่งรุกล้ำลำน้ำเพิ่มเติม
"นอกจากการพัฒนาศักยภาพการคมนาคมทางน้ำแล้ว ตนได้กำชับให้กรมเจ้าท่าศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงการต่างๆ ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณของรัฐบาล ที่ต้องเอาไปแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นอยากให้กรมมเจ้าท่าบูรณาการร่วมกันกับ กทท.เพื่อจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาการคมนาคมทางน้ำ อีกทั้งขอให้ทบทวนเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน"
ขณะเดียวกันกรมเจ้าท่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาชายฝั่งทะเล เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเริ่มปรับปรุงทำชายหาด เสริมทรายให้กว้าง 50 เมตร เป็นระยะทาง 3,500 เมตร ใช้เวลาก่อสร้าง 5 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 65 เมื่อมีการเสริมหาดทรายส่วนนี้แล้วเสร็จ จะทำให้ประชาชนใช้เพื่อการท่องเที่ยวได้มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวผมได้มอบนโยบายให้กรมเจ้าท่าศึกษาทำโครงการนี้เพิ่มเติมในพื้นที่บริเวณบางเสร่ จ.ชลบุรี เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้กรมเจ้าท่าเตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษา โดยจะใช้งบประมาณ 18 ล้านบาท ใช้เวลาศึกษา 9 เดือน ทั้งนี้ได้ให้ดำเนินการบูรณาการไปพร้อมกับกรมทางหลวง เพื่อทำถนนสนับสนุนการเดินทาง ซึ่งพบว่ากรมเจ้าท่ากำลังศึกษาโครงการนี้อยู่แล้ว และคาดว่าแผนจะเสร็จกลางปีหน้า ทั้งนี้การพัฒนาชายฝั่ง เสริมชายหาด ผลการศึกษาพบว่าผลตอบแทนกลับมาถึง 37 เท่า คุ้มค่าต่อการลงทุน แม้ว่าจะไม่ได้เกิดประโยชน์โดยตรงกับกรมเจ้าท่า แต่เรื่องนี้เป็นผลพวงที่จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน การพัฒนาทางน้ำจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศ
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนการพัฒนาท่าเรือมาริน่าเพิ่มเติม เพื่อสร้างโอกาสให้กับการท่องเที่ยวทางน้ำ เป็นจุดจอดเรือสำราญ และเรือยอร์ช จากปัจจุบันในพื้นที่ชลบุรีมีท่าเรือมาริน่าอยู่แล้ว 1 แห่งเป็นของเอกชน และที่เกาะสมุยก็มีการพัฒนาท่าเรือมาริน่าด้วย หากกรมเจ้าท่าสามารถมองหาพื้นที่พัฒนาเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จะสร้างโอกาสเพิ่มขึ้น และอยากให้ทำแผนพัฒนาให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันด้วย
“กรมเจ้าท่าจะต้องทำงานร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และอยากให้ไปหารือกับเอกชน เพื่อศึกษาการทำท่าเรือมาริน่า ต้องดูว่าเอกชนจะมาร่วมยังไง เพราะการทำท่าเรือไม่ได้เพื่อรองรับจุดจอดเรืออย่างเดียว แต่ยังมีพื้นที่หลังท่าเรือ ที่จะพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้อีก เรื่องนี้หากทำได้จะเป็นตัวอย่างที่ดี เบื้องต้นทราบว่ามีเอกชนทั้งไทย และต่างชาติสนใจร่วมลงทุนพีฒนาท่าเรือมาริน่าในไทย อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และจีน เป็นต้น"