นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดป้ายสำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเซินเจิ้น ประจำประเทศไทย และศูนย์เจรจาการค้าและนิทรรศการสินค้าจากผู้ประกอบการนักธุรกิจเขตเซินเจิ้น ว่าตลอด10ปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทย – จีน
มีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างยิ่ง โดย 10 เดือนแรกของปี 2564 การค้าไทย-จีน มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 2.68 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน19.3% ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย มีอัตราขยายตัวสูงถึง 31.95% และเซินเจิ้นยังเป็นหนึ่งในด่านที่สำคัญที่นำเข้าผลไม้ของไทยสู่จีนแผ่นดินใหญ่
หนึ่งในนโยบายรัฐบาลของจีน คือ นโยบายการพัฒนาเซินเจิ้นจากหมู่บ้านชาวประมง ให้กลายเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไทย มีนโยบายสร้างพันธมิตรกับจีน โดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่ในประเทศจีน และแสวงหาความร่วมมือโดยบูรณาการศักยภาพของทั้งสองฝ่าย ในรูปแบบความตกลงทางการค้า หรือความร่วมมืออื่นใด ตามความเหมาะสม ดังนั้น MINI-FTAที่จะเกิดขึ้นเป็นความตกลง หรือความร่วมมือที่จัดทำขึ้นรวดเร็วกว่าการเจรจาเต็มรูปแบบ สามารถตอบโจทย์ยุคดิจิตอลในปัจจุบัน ทั้งนี้ เซินเจิ้นถือเป็นเมืองลำดับต้น ๆ ที่มีศักยภาพที่จะร่วมมือกับประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมโซล่าร์เซลล์ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และ
โทรคมนาคมที่ไทยมีความโดดเด่นทั้งในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร และยังเป็นประเทศผู้ส่งออกรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์
“ ความร่วมมือระหว่างไทยและเซินเจิ้น จะช่วยให้ไทย สามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเซินเจิ้นมีความเชี่ยวชาญในฐานะที่เป็นฐานการผลิต มาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ด้านเกษตรและอาหาร ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้ง จะช่วยขยายตลาดตามแนวเส้นทาง Belt and Road ภายใต้ห่วงโซ่อุปทานเดียวกันได้อีกด้วย และประเทศไทยก็มีความพร้อมที่จะเป็นสะพานเพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือสู่อาเซียน”
ทั้งนี้สำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเซินเจิ้น ประจำประเทศไทย จะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจการค้าไทยสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ และหวังว่าสำนักงาน ฯ จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ MINI-FTA หรือความร่วมมือระหว่างไทย-เซินเจิ้น ประสบความสำเร็จ และมีการลงนามในอนาคตอันใกล้