นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติของขวัญปีใหม่ 2565 ชุดใหญ่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 6 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการเพิ่มกำลังซื้อภาคประชาชน มาตรการลดภาระผู้ประกอบการและประชาชน มาตรการขยายการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน มาตรการขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย มาตราการทางภาษีและค่าธรรมเนียม เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ ที่เป็นสถาบันการเงิน
และโครงการของขวัญปีใหม่ ปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะมาตรการช๊อปดีมีคืนที่สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่าย แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า หอการค้าไทยขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้ตอบรับข้อเสนอภาคเอกชนตามที่เคยนำเสนอไว้ ซึ่งจะช่วยเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปี 65 อย่างคึกคักแน่นอน
ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคม ถึง เมษายน 2565 ตามข้อเสนอของหอการค้าไทย จะมีส่วนช่วยกระตุ้นและพยุงการใช้จ่ายในช่วงต้นปี 65 ซึ่งหลังจากนี้คิดว่ารัฐบาลน่าจะมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอน
สำหรับการที่ ศบค.สั่งยกเลิก Test & Go ชั่วคราวถึง 4 ม.ค.65 สกัดโควิดโอมิครอนเข้าประเทศหลังจากพบผู้ที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นนั้น หอการค้าไทยเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายในระยะแรกที่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เกินว่า 100 ล้านโดส หรือ 70% ของประชากร ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันที่เพิ่มมากขึ้น และจะเห็นได้ว่าอัตราการติดเชื้อในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางกับต่างประเทศที่มีอัตราติดเชื่อเพิ่มสูงขึ้น ประกอบการที่รัฐบาลเตรียมวัคซีนเพื่อ Boost เข็ม 3 เพิ่มเติมอีกในปีหน้า จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับประชาชนทั้งในและต่างประเทศได้ด้วย ดังนั้น หอการค้าไทยจึงเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรการดังกล่าวชั่วคราว แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจบ้าง แต่เชื่อว่าจากข้อมูลทางสาธารณสุขของภาครัฐที่มีอยู่ตอนนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างอีกครั้งจนควบคุมไม่ได้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่มีการล็อคดาวน์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเพราะเห็นได้ชัดแล้วว่าสร้างความเสียหายกับประเทศมหาศาล โดยประเมินจากช่วงกลางปีที่มีการล็อคดาวน์ว่าจะเสียหายราว 2-3 แสน ล้านบาทต่อเดือน
ด้านการท่องเที่ยว ขณะนี้มีการอนุมัติคนเข้าประเทศประมาณ 1.1 แสนคน ผ่านช่องทางแซนบ็อกซ์และ Test & Go จากที่มีการขออนุมัติเข้าประเทศไว้แล้วทั้งหมด 2 แสนคน จึงเหลือคนที่จะเข้ามาอีก 9 หมื่นคน ในส่วนนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องดูแลติดตามก่อนปิดลงทะเบียน และคิดว่าจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ เพราะที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก ส่วนปี 2565 ประเมินสถานการณ์ว่า Q1 อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อยๆ ทยอยเข้าประเทศ และหากสถานการณ์โอมิครอนคลี่คลายลงจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวมากขึ้นตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไป โดยคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ 5 – 6 ล้านคน
“ส่วนการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รัฐบาลก็ยังคงอนุญาตให้สามารถดำเนินการได้ โดยหอการค้าไทยขอให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และคงมิใช่หน้าที่ของภาครัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ภาคเอกชนและประชาชนจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อความเชื่อมั่น จนนำไปสู่การยกเลิกการจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่เหมือนที่หลายประเทศได้มีมาตรการออกมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบรรยากาศของประเทศเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อให้กิจกรรมปีใหม่นี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น” นายสนั่นกล่าว