ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษี 2565 ช้อปดีมีคืน สินค้าไหนมีสิทธิและงดเข้าร่วมดูเลย

03 ม.ค. 2565 | 09:36 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ม.ค. 2565 | 16:41 น.

ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษี 2565 ช้อปดีมีคืน ลดภาษีสูงสุด 30000 บาท เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันนี้ -15 ก.พ.ซื้อสินค้าอะไรได้บ้างที่ได้ลดหย่อนและอะไรที่ไม่ได้ร่วมสิทธิดูที่นี่

เริ่มโครงการไปแล้วหลังเปิดศักราช กับ โครงการช้อปดีมีคืน ซื้อสินค้าลดหย่อยภาษี 2565 จากกรณีที่ กระทรวงการคลัง เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565-15 กุมภาพันธ์ 2565

 

วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีและผู้ประกอบกิจการการผลิตสินค้าท้องถิ่น โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

 

รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือ e-Book และสินค้า OTOP ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ช้อปดีมีคืน สำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566

สินค้าที่ไม่เข้าร่วมเงื่อนไขมีดังนี้

  • ค่าสุรา
  •  เบียร์
  • ไวน์
  • ค่ายาสูบ
  • ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยว
  •  ค่าที่พักในโรงแรม
  • ค่าสาธารณูปโภค
  •  ค่าน้ำประปา
  • ค่าไฟฟ้า 
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

 

สินค้าและบริการที่เข้าร่วมเงื่อนไขเพื่อนำไปลดหย่อยภาษี

  • สินค้าและบริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • หนังสือ (รวมถึง e-book)
  • สินค้า OTOP.

 

ที่มา: กระทรวงการคลัง