นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองประธานกรรมการคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครั้งที่ 1/2565 (ครั้งที่ 3) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ นั้น ที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ ทอท. เร่งรัดการดำเนินการจ้าง ICAO ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คณะกรรมการฯ ได้มีข้อมูลมาประกอบการพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของ IATA เพื่อพิจารณาแนวทางการทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงเห็นชอบให้ ทอท. ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ซึ่งมีความพร้อมและ ครม. อนุมัติโครงการไว้แล้ว ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน (Action Plan) ที่กำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ 65 ล้านคนต่อปี เท่ากับช่วงก่อนเกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในปี 2568
“ที่ประชุมได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้ ทอท. ประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ IATA คาดการณ์ไว้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางอันดับ 9 ของโลก โดยจะมีผู้โดยสารเข้ามาในไทยถึง 200 ล้านคน รวมถึงให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการขนส่งทางอากาศในกรณีที่มีการพัฒนารถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงด้วย”
ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการประชุมมาแล้ว 2 ครั้ง โดยตามมติที่ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2564 และครั้งที่ 2/2564 รวมทั้งการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ทอท. เร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ซึ่งมีความพร้อม และเร่งทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมแนวทางการพัฒนาในลักษณะ Revisit
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ด้านความก้าวหน้าการดำเนินงานจ้าง ICAO เพื่อศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อจ้าง ICAO ขณะนี้ ทอท. อยู่ระหว่างการประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง (Agreement) เพื่อให้ ICAO ดำเนินการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2565 และแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ทอท. ได้หารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อให้การดำเนินงานของ ทอท. เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว
ส่วนความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ที่ประชุมรับทราบการส่งมอบพื้นที่ของ บริษัท คิง พาวเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ได้ส่งมอบพื้นที่บริเวณชั้น 2 Food Stop ที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ให้ ทอท. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 และคณะกรรมการ ทอท. ในการประชุมได้มีมติอนุมัติงบลงทุนผูกพันเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เนื่องจากส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกได้รับอนุมัติจาก ครม. ไว้แล้ว ดังนั้น คาดว่าจะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างปรับแบบในเดือนกรกฎาคม 2565 และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ใช้ระยะเวลา 29 เดือน แล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมีนาคม 2568
ด้านผลการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย IATA เบื้องต้นที่ประชุมรับทราบผลการศึกษาที่แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 สรุปว่า การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะฟื้นกลับมาในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งมีผู้โดยสารปีละประมาณ 65 ล้านคน ในช่วงปี 2567 - 2568 ทั้งนี้ IATA ได้ประเมินทางเลือกในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรักษาระดับการให้บริการ (Level of Service : LoS) ของสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคตทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (Optimum) โดยเสนอให้พัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Mixed Concept)
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(ทอท.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เห็นชอบให้ ทอท.ดำเนินการ ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักหลังที่ 1 ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 7,830 ล้านบาท ตามที่ ทอท. นำเสนอ เนื่องจากเห็นว่าเป็นแผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนที่ได้ข้อยุติ ไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องการก่อสร้างจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และมียังความสอดคล้องกับผลการศึกษาของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ที่เห็นสมควรให้สร้าง
“ที่ประชุมอนุมัติให้ ทอท. เดินหน้าก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกได้ทันที เพราะก่อนหน้านี้ครม.เคยมีมติอนุมัติไปแล้ว งบลงทุนก็มีพร้อมหมดแล้ว คาดว่าจะเปิดประมูลได้ช่วง ไตรมาสที่3ของปีนี้ หรือ ราวเดือน ก.ค-ก.ย.2565 ใช้เวลาก่อสร้างรวม 29 เดือน แล้วเสร็จประมาณปี 2568”
อย่างไรก็ตาม สศช.ยังเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าวแล้ว รวมทั้งการดำเนินการสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกในขณะนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิยังไม่มากจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หากมีการก่อสร้างส่วนตะวันออกตอนนี้จะส่งผลกระทบต่อการให้บริการภายในอาคารผู้โดยสารหลักไม่มากนักแม้ว่าพื้นที่ก่อสร้างส่วนตะวันออกจะทับซ้อนและคาบเกี่ยวกับอาคารผู้โดยสารหลักในปัจจุบัน ส่วนโครงการส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตก (West Expansion)ที่ประชุมให้รอผลการศึกษาความเหมาะสมจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ก่อน