ส่องแผนรักษ์โลก เสียวหมี่ ลุยอีวี-โปรดักส์ Recycling

30 ม.ค. 2565 | 09:15 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2565 | 16:25 น.

เสียวหมี่ ยักษ์ใหญ่ตลาดสมาร์ทโฟนโลก ขยายฐานตลาด พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตโปรดักส์ Recycling ทำแพคเกจจิ้งเฟรนลี่

ปูพรมในตลาด ยุโรป และรุกสู่ตลาดในเอเชียแปซิฟิก พร้อมลุยธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า เตรียมเม็ดเงินกว่า 3.3 แสนล้านบาท ลงทุนในช่วง 10 ปี 
    

ปี 2564 เสียวหมี่ได้เผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2020 โดยบอกถึงการเข้าถึงและแนวทางการปฎิบัติของเสียวหมี่ เพื่อยกระดับการพัฒนาด้านความยั่งยืน ซึ่งรายงานความยาวกว่า 30 หน้า ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนของเสียวหมี่ ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร และการบริหารซัพพลายเชนแบบยั่งยืน เป็นต้น 
    

ทั้งยังนำเสนอความมุ่งมั่นของเสียวหมี่ด้านการเข้าถึง ความปลอดภัยข้อมูล ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และอื่นๆ โดยเนื้อหาในรายงานฉบับนี้ครอบคลุมข้อมูลทั้งตลาดจีนและตลาดต่างประเทศ เพื่อแสดงถึงโครงการต่างๆ ด้านความยั่งยืนของเสียวหมี่ทั่วโลก

 

นาย เหลย จุน ประธาน และผู้บริหารสูงสุดเสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดเผยอีกว่า เสียวหมี่ได้ลงนามเข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (the United Nations Global Compact) เพื่อให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามหลัก 10 ประการเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม (ten stipulated principles of corporate responsibility) อีกด้วย


 


    

นายคามัล เหลียง ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในเรื่องของความยั่งยืน และการดำเนินงานตามแนวทางที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance : ESG) รวมทั้งการปฏิบัติตามแนวทาง Sustainable Development Goals-SDGs หรือเป้าหมายความยั่งยืนของสหประชาชาติ เป็นสิ่งที่เสียวหมี่ทำต่อเนื่อง เห็นได้จากรายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2020 ที่เสียวหมี่เผยแพร่ไปปีที่แล้ว อย่างเรื่องของการพัฒนาโปรดักส์ Recycling ด้วยการนำโปรดักส์กลับมาใช้ใหม่ ได้ริเริ่มขึ้นในประเทศจีน และขยายไปใน เยอรมัน ฝรั่ง อิตาลี และเนเธอแลนด์ โดยปี 2565 และปีหน้า มีแผนขยายต่อเนื่องไปยังประเทศอื่นๆ 
  ส่องแผนรักษ์โลก เสียวหมี่ ลุยอีวี-โปรดักส์ Recycling    

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเริ่มใช้แพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กับโปรดักส์ Mi 10T ซี่รี่ส์ ที่ลดการใช้พลาสติกลง 60% และยังขยายไปสู่โปรดักส์ Mi11 รวมถึงต่อยอดไปยังโปรดักส์อื่นๆ ต่อไป และเสียวหมี่ยังดูแลการกำจัดและบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่เริ่มต้นทำแล้วในประเทศจีน เพื่อให้ขยะอิเลคทรอนิกส์ถูกกำจัดอย่างถูกวิธีไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
    

ที่สำคัญเสียวหมี่ยังได้ขยายไลน์โปรดักส์ไปสู่การลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี โดยได้ซื้อบริษัทสตาร์ทอัพ Deepmotion ด้วยมูลค่าราว 77.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินงานธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้เตรียมเงินลงทุนในช่วง 10 ปีข้างหน้าไว้ราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.3 แสนล้านบาท เพราะเห็นว่าในอนาคตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะน้อยลงเรื่อยๆ และรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่ ดังนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าเสียวหมี่จะมุ่งสู่อีวีมากขึ้น และมีแผนการออกโปรดักส์ด้านอีวี อาทิ อีวีชาร์ทเจอร์ เป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ใหญ่ของเสียวหมี่ด้วย
    

นอกจากนี้ ในรายงานความยั่งยืน ยังระบุว่า ภายในสิ้นปี 2564 เสียวหมี่ตั้งเป้าที่จะลดปริมาณพลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จำหน่ายในทวีปยุโรปลงอีก รวมทั้ง ผลิต ภัณฑ์อุปโภคบริโภคของเสียวหมี่กว่า 40 ประเภท จะติดตั้งคุณสมบัติเพื่อการประหยัดพลังงานซึ่งเป็นคุณสมบัติหลัก และผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่ ยังผลิตภายใต้มาตรฐานต่างๆ ที่ใช้ในสหภาพยุโรป ทั้ง CE, REACH, RoHS และ WEEE Directives และตลาดเอเชียแปซิฟิก เป็นตลาดสำคัญอีกตลาดหนึ่ง ที่เสียวหมี่จะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม 
    

ปี 2564 เสียวหมี่ได้ทุบสถิติ ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21% พร้อมครองแชมป์อัตราการเติบโตสูงถึง 200% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ จากรายงานของ 4 บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ พบว่า เสียวหมี่ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ตลาด
สมาร์ทโฟนทั่วโลก