นายพีรพล ประเสริฐชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บจก. กล้าทิพย์ ผู้ส่งออกข้าวไทยรายแรก ที่ใช้บริการขนส่งเส้นทางรถไฟ จีน-ลาว เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่มีปัญหาในการส่งออกทางเรือ ตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ และก็พยายามหาวิธีการที่จะส่งให้ลูกค้าให้ทันกำหนดตามที่ลูกค้าต้องการให้ได้ ประกอบกับเส้นทางรถไฟฟ้า ไทย-จีน มีการเปิดใช้บริการ เส้นทาง ลาว-จีน ก็เลยติดต่อไปที่ลูกค้าชาวจีนว่าสนใจหรือไม่ที่จะให้ขนส่งทางนี้ พอคุยแล้วลูกค้าสนใจจึงได้ร่วมกันหาทางส่งออกทางรถไฟ เปลี่ยนจากเรือ เป็นระบบรางแทน
"โดยทางบริษัทให้ลูกค้าเป็นคนติดต่อ เพราะเนื่องจากเรื่องบุ๊กกิ้ง เพราะการขายข้าว เป็นลักษณะขายรูปแบบเทอม เอฟ.โอ.บี. คือ เราไม่รับผิดชอบเรื่องเรือ เรื่องค่าใช้จ่ายค่าขนส่งจากไทยไปจีน ลูกค้าจะเป็นคนรับผิดชอบ เมื่อมาเป็นทางรถไฟ ก็เป็นหน้าที่ของลูกค้าที่จะต้องไปจองตั๋วบุ๊กกิ้ง รถไฟ ซึ่งในส่วนของบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการในการลากตู้ และขนส่งไปจนถึงทาง สปป. ลาว"
ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของลูกค้าแล้ว ที่จะไปทำการจองรถไฟกับสถานีรถไฟของจีน ว่าจะไปรถไฟขบวนไหนก็แจ้งมา พอลูกค้าจองมาแล้ว ก็ไปลากตู้มาบรรจุแล้วส่งไปทางเวียงจันทร์เท่านี้ โดยบริษัท จะบรรจุถุง 50 กก. แล้วนำขึ้นตู้ ก็ดำเนินการเหมือนกับขึ้นเรือทุกอย่าง แค่เปลี่ยนจากเรือเป็นรถไฟ เท่านั้นเอง
นายพีรพล กล่าวว่า ในส่วนของลูกค้าชาวจีนได้ติดต่อกันมาเป็นลูกค้าประจำร่วม 10 ปี สาเหตุที่เปลี่ยนมาเป็นเส้นทางใหม่ ใช้รถไฟ เนื่องจากมีปัญหาตู้คอนเทรนเนอร์ไม่เพียงพอ รวมทั้งค่าระวางเรือปรับขึ้นมา 3-4 เท่า ประกอบกับลูกค้ามีความจำเป็นที่ต้องใช้ของ ด้วยความที่หาตู้ไม่ได้ และค่าระวางเรือก็แพงมาก ที่ว่างของเรือก็ไม่มี
“ทางเราได้ข่าวมาว่าทางรถไฟเพิ่งจะเปิดดำเนินการไม่นาน จึงเสนอให้ลูกค้าลองไปเช็คตาราง เส้นทางรถไฟ โดยให้ขนส่งเส้นทางนี้ได้หรือไม่ ประเมินกันว่าค่าใช้จ่ายน่าจะสูสีกับราคา แต่สินค้าอาจจะได้เร็วกว่า ส่วนเรือก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไร วันไหน จึงตัดสินใจทดลองกันดู แล้วถ้าดี ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่จะใช้ส่งออกข้าวไปทางจีน”
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่าย และลูกค้าด้วยที่จะเลือกเส้นทางรถไฟจีน-ลาวหรือไม่ ว่าจะสะดวกหรือไม่ เพิ่งจะทำเป็นล็อตแรก แล้วของเพิ่งจะขึ้นรถไฟ ในวันที่ 28 มกราคม 2565 จะต้องดูว่าเคลียร์ของยากหรือไม่ ซึ่งการส่งยังไม่ถึงที่สุด ยังตอบไม่ได้ว่าดีกว่าหรือไม่ถ้าเปรียบเทียบกับเส้นทางเรือ
สำหรับการไปเส้นทาง "รถไฟจีน-ลาว" มองว่าเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว เป็นอีกเส้นทางหนึ่งให้กับผู้ประกอบการได้ตัดสินใจว่าจะไปทางเรือก็ได้ จะไปทางรถไฟก็ได้ เป็นช่องทางหนึ่งในการขนส่งให้กับผู้นำเข้าและผู้ส่งออก เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายอนาคตหากมีการใช้บริการมากขึ้นก็คาดว่าจะราคาจะถูกลงไหม แต่ถ้าถูกลง ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าความจริงในสถานการณ์ปกติ ค่าขนส่งระวางเรือถูกที่สุดอยู่แล้ว
แต่เมื่อมาพิจารณาการขนส่งเส้นทางรถไฟ หากอนาคตมีมากขึ้น ทางรัฐบาลจีนมีการขนส่งมากขึ้น มีเที่ยวไป เที่ยวกลับ เยอะขึ้นอาจจะถูกลง ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งให้กับผู้ประกอบการ แต่อีกด้านหนึ่งทางรัฐบาลไทย ทางรัฐบาล สปป.ลาว จะให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลไทยมากน้อยแค่ไหน จากล็อตนี้สินค้าไปตกค้างที่ สปป.ลาว กว่า 10 วัน เนื่องจากใหม่ความกังวลต่างๆ จึงใช้เวลานานในการตรวจ ต่างคนต่างใหม่ในเส้นทางดังกล่าวนี้ จึงทำให้ขรุขระ
ดังนั้นก็อยากเสนอให้ทางศุลกากรของไทยคุยกับทางศุลกากรฝั่ง สปป.ลาว สินค้าผ่านแดน หากศุลกากรตรวจฝั่งไทยแล้ว ทาง สปป.ลาว ก็ไม่ควรที่จะมาตรวจใหม่ ควรที่จะอำนวยความสะดวกนำสินค้าขึ้นรางแล้วต่อไปได้เลย เพราะวัตถุประสงค์ของการขึ้นรถไฟก็คือต้องการความเร็ว