"เลขา ส.ป.ก. “ ชี้แจงกรณี ทิดสมปอง กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก. 300 ไร่

07 ก.พ. 2565 | 14:49 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2565 | 22:17 น.

ส.ป.ก.เอ็กซเรย์ ที่ดิน ส.ป.ก. ทิดสมปอง กว้านซื้อ 300 ไร่ นั้น พบว่า ที่ดินส่วนใหญ่อยู่นอกเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน มีเพียง 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน จากการตรวจสอบ พบว่า เกษตรกร ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตฯ ยังคงทำประโยชน์ในที่ดินด้วยตนเอง ปลูกหมาก มะพร้าว

ตามที่มีการนำเสนอข่าวในสังคมออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวกับกรณีอดีตพระมหาสมปอง ตาลปุตโต หรือนายสมปอง นครไธสง กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก. ในท้องที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ กว่า 300 ไร่ เพื่อปลูกยางพารา หรือให้ญาติถือครองที่ดินแทน นั้น 

 

วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข

 

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)   สังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า พื้นที่ที่เป็นข่าวเดิมเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม (E) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 583 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 90 ตอนที่ 81 วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2516  

 

 

โดย ส.ป.ก. ได้รับที่ดินมาและมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดง กิ่งอำเภอภักดีชุมพล อำเภอหนองบัวแดง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอแก้งคร้อ และอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.  2531 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 105 ตอนที่ 241  ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2531  ซึ่งเป็นการประกาศให้อำเภอคอนสารเป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งอำเภอ

 

ที่ดิน ส.ป.ก.

จากนั้นสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยภูมิ (ส.ป.ก.ชัยภูมิ) จึงได้เข้าดำเนินการสำรวจรังวัดที่ดินเมื่อปี 2532 และ 2537 เพื่อให้ได้ขอบเขตเนื้อที่ของแปลงที่ดินแต่ละแปลงและรายชื่อผู้ครอบครองที่ดิน ต่อมาในปี 2539 ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบกันพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม (E) จังหวัดชัยภูมิ

 

ในส่วนที่ยังเป็นป่าออกจากเขตปฏิรูปที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเพื่อกันคืนพื้นที่ป่าออกจากเขตปฏิรูปที่ดิน (RF) พ.ศ. 2538 ออกมาได้เป็น 2 แปลง คือ RF แปลงที่ 15 เนื้อที่ประมาณ  10,997 ไร่  และ RF แปลงที่ 20 เนื้อที่ประมาณ4,223  ไร่

 

เมื่อทราบข่าว ส.ป.ก. ได้มอบหมายให้ ส.ป.ก.ชัยภูมิ ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันทีซึ่งเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ชัยภูมิ ได้ลงพื้นที่เมื่อวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้สืบหาข้อมูลเพิ่มเติมจากทั้งผู้ปกครองท้องที่และราษฎรในพื้นที่เกี่ยวกับตำแหน่งและขอบเขตของแปลงที่ดินเทียบกับแผนที่แนวเขตปฏิรูปที่ดิน รวมทั้งตรวจสภาพการทำประโยชน์ในแปลงที่ดินที่เป็นข่าวแล้ว

 

"พบว่า ที่ดินส่วนใหญ่อยู่นอกเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน และมีเพียง 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน และเกษตรกรผู้ซึ่งได้รับอนุญาตฯ ยังคงทำประโยชน์ในที่ดินด้วยตนเองโดยการปลูกหมากและมะพร้าว"

 

ทั้งนี้ ส.ป.ก. ไม่ได้นิ่งนอนใจและยังคงเดินหน้าตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปจากข้อมูลการร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หนังสือร้องเรียน สายด่วน ส.ป.ก. และการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบตามภารกิจอย่างต่อเนื่อง