พลังงานเล็งขยายเวลาตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้น พ.ค.
พลังงานเล็งขยายเวลาตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม หลังมติ ครม. ให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากการหารือภายในกระทรวงพลังงานเพื่อการกำหนดแนวทางการบริหารราคาเพื่อช่วยเหลือประชาชน หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (15 ก.พ.) ได้มีมติประกาศลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะเร่งจัดประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อหาแนวทางในการบริหารราคาให้มีความเหมาะสม
และสามารถช่วยเหลือประชาชนในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ให้ได้ถึง 31 พฤษภาคม 2565 เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ครม. ได้มีข้อเสนอแนะว่าการลดภาษี 3 บาทต่อลิตร จะมีส่วนหนึ่งที่จะนำมาลดภาระค่าน้ำมันให้กับประชาชนในทันที และอีกส่วนหนึ่งจะนำมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้สามารถดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ได้ต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น ซึ่งจำนวนของแต่ละส่วนนั้นทาง กบน. จะมีการพิจารณาต่อไป
ส่วนสถานะกองทุนน้ำมันเพลิง (ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565) ติดลบอยู่ที่กว่า 18,000 ล้านบาท ดังนั้น การบริหารจัดการส่วนลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันในครั้งนี้ กบน. จะพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรองรับสถานการณ์หากราคาในตลาดโลกขยับขึ้นไปอีก ให้สามารถตรึงราคาที่ 30 บาท/ลิตรได้ถึง 31 พฤษภาคม 2565
อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าเนื่องจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรเพื่อช่วยเหลือประชาชนในครั้งดังกล่าวนี้ จะไม่ได้มีผลทันทีหลังจากมีมติจาก ครม. โดยอาจจะทำให้เกิดส่วนต่างราคาน้ำมันในช่วงก่อนวันที่จะมีการปรับลดจริง
ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานขอความร่วมมือกับผู้ค้ามาตรา 7 บริหารจัดการให้มีปริมาณน้ำมันเพียงพอกับการให้บริการกับประชาชนผู้ใช้บริการ โดยขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนในยามเกิดสถานการณ์วิกฤตด้านพลังงานในช่วงนี้เป็นหลัก
“จากการที่ ครม. มีมติประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร กระทรวงพลังงานจะเร่งจัดประชุม กบน. เพื่อประชุมหาแนวทางในการบริหารจัดการราคาน้ำมันให้ลดภาระต่อประชาชนในทันที และสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร ได้อย่างต่อเนื่อง และขอวอนให้สถานีบริการน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศบริหารจัดการปริมาณน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน รวมทั้งขอให้ประชาชนเข้าใจในสถานการณ์พลังงาน ณ ปัจจุบัน ซึ่งวิกฤตพลังงานนี้เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศเช่นกัน”