หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงประมาณ 3 บาทต่อลิตรเป็นระยะเวลา 3 เดือน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการปรับลดภาษีสรรพสามิตดังกล่าว มีผลทำให้ห้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมจัดเก็บ 5.99 บาทต่อลิตร ปรับเป็น 3.20 บาทต่อลิตร หรือลดลง 2.79 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่กระทรวงพลังงาน มีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อวางแนวทางงบริหารราคาน้ำมันดีเซล
ภายหลังการประชุมนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ระบุว่า ที่ประชุม กบน. มีมติลดภาระค่าน้ำมันดีเซลให้กับประชาชนทันที 2 บาทต่อลิตร
ส่งผลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะลดลงมาจาก 29.94 บาทต่อลิตร เหลือ 27.94 บาทต่อลิตร
การปรับลดราคาลง 2 บาท อาจทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดในเมื่อ ครม. มีมติให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงประมาณ 3 บาทต่อลิตร แต่ กบน. ปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงเพียงแค่ 2 บาทต่อลิตรเท่านั้น
โดยส่วนที่เหลืออีก 1 บาทนั้น แม้นายวิศักดิ์ จะไม่ได้กล่าวมาตามตรง แต่จากข้อความที่สื่อก็คือ จะนำมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้สามารถดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ได้ต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น เพราะสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอยู่ในช่วงขาขึ้นยาวนาน
โดยประเด็นดังกล่าวคงต้องไปดูที่สภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีรายจ่ายอยู่ที่เดือนละ 8,191 ล้านบาท แบ่งเป็น
ขณะที่ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ติดลบ 18,151 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
สำหรับการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวนั้น กบน. ได้พิจารณาวางแนวทางบริหารราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายหลังจากมติ ครม. อนุมัติให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2565
อย่างไรก็ดี ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้จากการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือมีการชดเชยจากกองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย ซึ่งรัฐบาลยังคงนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร