ใช้โซเชียลไม่ระวัง ทำ"ปลัดแต"เสี่ยงตกเก้าอี้นายกอบจ.สมุทรสาคร

20 ก.พ. 2565 | 13:21 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.พ. 2565 | 20:32 น.

กกต.สมุทรสาครเตือน ระวังการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และการใช้สื่อโซเชียลฯหาคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครฯ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชี้เร็ว ๆ นี้ กกต.กลางคงยื่นเรื่องส่งฟ้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค หากศาลฯรับคดี “ปลัดแต”ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก.อบจ.ฯ ทันที 

ส่วนการอุทธรณ์สู้ อาจมีผลได้ทั้ง 2 ทางคือ ศาลฯ อาจยกคำร้องของกกต.กลาง หรือตัดสินยืนตามตำวินิจฉัยฯ เผยกกต.สมุทรสาคร มีหน้าที่สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้นหน้าที่ตัดสิน-วินิจฉัย-ดำเนินคดี เป็นเรื่องของกกต.ส่วนกลาง

 

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค (ภาค 7) เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาครใหม่ แทนนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ “ปลัดแต”

ใช้โซเชียลไม่ระวัง ทำ\"ปลัดแต\"เสี่ยงตกเก้าอี้นายกอบจ.สมุทรสาคร

ใช้โซเชียลไม่ระวัง ทำ\"ปลัดแต\"เสี่ยงตกเก้าอี้นายกอบจ.สมุทรสาคร และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสุรวัช เรืองศรี สมาชิกสภา อบจ.กระทุ่มแบน เขตเลือกตั้งที่ 5 ตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 108 วรรคสอง รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุรวัช เรืองศรี ตามมาตรา 65 (1) ประกอบมาตรา 126

 

นายณัฐวรรธน์ วงศ์อิสรภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ให้ผู้สมัครรับการเลือกตั้งทุกระดับพึงระมัดระวัง

เรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการติดต่อ ที่มีผลต่อคะแนนเสียงของผู้สมัครโดยผิดกฎหมายฯ ซึ่งอาจจะเป็นไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่มีผู้พบเห็นหรือเป็นเหตุให้ฝ่ายคู่แข่ง-ฝ่ายตรงข้าม สามารถทำการบันทึกภาพนำมาร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้

 

“ซึ่งกรณีของนายสุรวัช เรืองศรี แม้จะเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.อิสระ และไม่ได้รับเลือกเข้ามาเป็น ส.อบจ. เขต 5 อำเภอกระทุ่มแบน (ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.อบจ. เขต 5 อำเภอกระทุ่มแบน คือนายพหล ขำทอง)

 

แต่ต่อมาภายหลังนายสุรวัช เรืองศรี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการนายก อบจ.สมุทสาคร (ซึ่งเพิ่งจะลาออกเมื่อเดือนมกราคม 2565) ดังนั้น จึงอาจเป็นเหตุให้กกต.ส่วนกลางเห็นว่า มีความเชื่อโยงกันกับนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์”

 

นายณัฐวรรธน์ กล่าวต่อว่า คาดในเร็ว ๆ นี้ ทางกกต.ส่วนกลางคงส่งเรื่องไปให้ศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค (ภาค 7) ทำการพิจรณาตัดสิน โดยกระบวนการเมื่อศาลฯ รับคำร้อง หรือคำวินิจฉัยของทางกกต.ส่วนกลางแล้ว ก็จะมีหมายหรือคำสั่งส่งมาให้นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ ซึ่งก็จะมีผลทำให้แทนนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร ทันที

 

“จากนั้นทางด้านนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ ก็สามารถที่จะทำเรื่องอุทธรณ์คำร้องของกกต.ส่วนกลาง ซึ่งก็จะอยู่ที่ดุลพินิจของศาลฯที่อาจจะยกคำร้องของ กกต.ส่วนกลาง หรือตัดสินตามคำวินิจฉัยของกกต.ส่วนกลาง ก็ได้”

 

ต่อข้อถามที่ว่ากกต.สมุทรสาคร มีความเห็นเบื้องต้น ให้ยกคำร้องกรณีการทำผิดกฎหมายของสุรวัช เรืองศรี นั้น นายณัฐวรรธน์กล่าวว่า กกต.สมุทรสาคร ได้ทำการสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอความเห็นไปเท่านั้น การตัดสิน-วินิจฉัยในที่สุด รวมถึงกระบวนในการดำเนินคดี เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ส่วนกลาง

 

 ทั้งนี้ สาเหตุของเรื่องเกิดขึ้นมาจากกรณีที่ เมื่อประมาณเดือนต.ค.-พ.ย. 2563 มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรายหนึ่งได้โทรศัพท์ติดต่อโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อย้ายนักเรียนซึ่งเป็นหลานสาวเข้าเรียน ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวแนะนำว่า นักเรียนต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน 

 

ผู้มีสิทธิ์คนดังกล่าวจึงได้ติดต่อนายสุรวัช และได้แนะนำให้ไปพบกับบิดาของนายสุรวัช ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน และหลังจากที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรายนี้ ได้พบกับบิดาของนายสุรวัชแล้ว ก็ได้ไปติดต่อที่สำนักทะเบียน ดำเนินการย้ายชื่อนักเรียนคนดังกล่าวเข้าบ้านเลขที่ของโรงเรียน และสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวสำเร็จเรียบร้อย

 

จากนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าว ได้ส่งข้อความขอบคุณนายสุรวัชทางแอพพิลเคชั่นไลน์ ที่นายสุรวัช และบิดาของนายสุรวัฒน์ ได้ช่วยเหลือให้หลานสาวได้เข้าโรงเรียนตามที่ประสงค์ โดยปรากฏภาพการสนทนาที่ นายสุรวัช ได้นำไปโพสต์ในบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ"สุรวัช เรืองศรี" เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563

 

ประกอบกับจากการตรวจสอบใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ปรากฏว่าในช่องลงชื่อเจ้าบ้านยินยอมให้ย้ายเข้า มีการพิมพ์ชื่อของเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เป็นผู้ได้รับมอบหมาย ซึ่งน่าเชื่อว่าบิดาของนายสุรวัฒน์ได้ดำเนินการช่วยเหลือย้ายชื่อของนักเรียนคนรายนี้ เข้าทะเบียนบ้านของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อให้นักเรียนคนดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ที่สามารถเข้าเรียนได้

 

นอกจากนั้นนายสุรวัช ยังโพสต์บทสนทนาในสื่อสังคมออนไลน์ของตนว่า "ได้ช่วยฝากหลานของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกับโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายอุดม"

 

การกระทำของนายสุรวัชจึงมีลักษณะเป็นการแสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชน หรือสมาชิกในกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ที่พบเห็น ให้ลงคะแนนให้แก่นายอุดม จึงเข้าลักษณะเป็นการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายอุดม

 

ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 65 (1) โดยนายอุดมย่อมได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของนายสุรวัช    เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.สมุทรสาคร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายอุดม เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง