นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มอบนโยบายว่า ในปี 2565 จะเป็นปีที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าและแก้ปัญหาหนี้ต่าง ๆ ทั้งระบบ
โดยในการทำงานแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องอาศัยความตั้งใจจริงและความทุ่มเทในการทำงานของทุกคน เชื่อมั่นว่าทุกคนทำได้เพื่อประเทศ ซึ่งจะต้องทำงานแบบไม่หว่านแหทั่วไป
ทั้งนี้ ในหลายพื้นที่ คนมีความพร้อมอยู่แล้วแต่อาจเข้าไม่ถึงโอกาส จึงต้องพิจารณาจัดกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม คือ
โดยต้องทำแผนงาน จัดงบประมาณลงไปตามศักยภาพของพื้นที่ ให้เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากทุกอำเภอ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดประเมินผลการทำงานของข้าราชการ ขณะที่ตัวชี้วัดรายกระทรวง รายหน่วยงาน จะต้องเป็นตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนการดำเนินงานของหน่วยงานในลักษณะเชิงบูรณาการ ซึ่งจะนำมาเป็นข้อพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานต่อไปด้วย
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการทำงานตามแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ตามห้วงเวลาที่กำหนดในแต่ละปี ว่าขึ้นกับตัวชี้วัด การประเมินผล และความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา นายกฯ ไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้น ทำงานเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า
สิ่งสำคัญคือตัวเลขเฉลี่ยรายได้ของประชาชน ที่วันนี้ต้องดูตัวเลขความยากจนรายอาชีพ ว่าแต่ละอาชีพควรจะมีรายได้เท่าไร ที่จะสามารถจะดำรงชีพอยู่ได้ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกันทั้งหมด โดยการแก้ปัญหาความยากจนที่สำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหารายครัวเรือน และรายกลุ่มอาชีพ
ขณะเดียวกันในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการ แนวทาง และการดำเนินการปรับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงหรือความจำเป็นของประเทศ พร้อมทั้งเห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งเป็นแผนระดับที่ 2 ที่ระบุทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ครอบคลุมเฉพาะประเด็นการพัฒนาประเทศที่มีลำดับความสำคัญสูง
อย่างไรก็ตามในขั้นตอนจากนี้ สศช. จะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภาและนำทูลขึ้นเกล้าฯ โดยคาดว่าจะประกาศใช้แผนฯ ได้ภายในเดือนต.ค. 2565 โดยนายกฯ ย้ำให้ทุกหน่วยงานศึกษาและทำความเข้าใจแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 เพื่อสามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องสู่แผนระดับ 3 ของหน่วยงานในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน และสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณแบบพุ่งเป้า/บูรณาการให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม