นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า จากยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนขององค์กร บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจระยะยาว และช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
ต่อยอดกับธุรกิจหลัก เช่น การเพิ่มช่องทางสร้างรายได้, ลดต้นทุนภาคการผลิต, สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้โปร่งใสและมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นต้น โดยเริ่มต้นบริษัทฯ ได้รุกธุรกิจเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่ใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายไฟฟ้ากับผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดจำนวน 10 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อรองรับการขุดบิตคอยน์จำนวน 2,000 - 2,200 เครื่อง สามารถขุดบิตคอยน์ได้ 50-55 BTC ต่อเดือน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการรายแรกในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจรูปแบบ Clean Cryptocurrency โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 100%
บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในเครื่องขุดบิตคอยน์ราว 700 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้บางส่วน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่นี้ทันทีหลังจากเริ่มดำเนินการติดตั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุน 20-30 เดือน หรือราว 2-3 ปี
เทคโนโลยี Blockchain เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ต่อสู้กับโลกร้อนเพื่อการเติบโตในอนาคต NRF ได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนกระทั่งเล็งเห็นโอกาสจากการในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมาใช้ในเหมืองขุดคริปโต
นอกจากนี้ ยังวางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐฯ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติม เนื่องจากมีต้นทุนพลังงานที่ถูกกว่าไทยประมาณ 3 เท่า และสำคัญเนื่องจากว่าค่าไฟฟ้าคิดเป็นประมาณ 30% ของต้นทุนทั้งหมดในการขุดคริปโต
การลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในการลงทุนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายไปสู่ธุรกิจ Blockchain รูปแบบอื่นๆ อาทิ การใช้เทคโนโลยี smart contract เพื่อลดขั้นตอนและเพิ่มความโปร่งใสในการจัดซื้อวัตถุดิบ รวมไปถึงการใช้ NFT หรือ Non-Fungible Token เป็นเครื่องมือส่งเสริมทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทฯ