นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. ติดตามและประเมินผลกระทบจากการสู้รบระหว่างรัสเซีย–ยูเครน และมาตรการตอบโต้ด้านการค้าและการเงินของประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าอาจมีผลกระทบต่อทั้วงเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนภาคการผลิต ทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับวัตถุดิบที่จะได้รับผลกระทบ อาทิ เหล็ก ธัญพืช เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจส่งผลให้คำสั่งซื้อจากคู่ค้าลดลงบางส่วน โดย สรท. ประเมินในเบื้องต้นว่าหากสถานการณ์การสู้รบไม่ยืดเยื้อบานปลายหรือขยายวงกว้างไปมากกว่านี้และสามารถเจรจาหาข้อยุติได้ภายในสามเดือน การส่งออกของไทย ปี 2565 คาดว่าจะยังเติบโตได้ที่ 5% โดยคาดว่าสถานการณ์ส่งออกในไตรมาสแรกจะสามารถเติบโตได้ที่ 5% หรือมีมูลค่าเฉลี่ยคาดว่าอยู่ที่ 6.7-6.8 หมื่อล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการยืนยันคำสั่งซื้อไว้แล้วล่วงหน้า
แต่หากสถานกาณ์ยังคงยืดเยื้ออาจกระทบต่อการส่งออกในไตรมาสสอง โดยอาจมีคำสั่งซื้อลดลงประมาณ 4-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ อาทิ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องปรับอากาศ) และคาดจะมีมูลค่าเฉลี่ย 6.6-6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ไม่เติบโต
ทั้งนี้ สรท. คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวเฉลี่ยอยู่ในกรอบ 100-105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าจะอยู่ในระดับราคาดังกล่าวจนถึงไตรมาส 2 จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อค่าระวางเรือที่แนวโน้มสูงขึ้นและหากจะทำให้ค่าระวางเรืออ่อนค่าปรับตัวลดลงคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาหรือปรับตัวในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 65 หรือประมาณสิ้นปี
“ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนรองรับปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ในประเด็นในเรื่องของผลกระทบด้านการเงินหากชาติตะวันตกมีการตัดระบบการเงินหรือมีการแซงชั่นรัสเซียขึ้นมาเชื่อว่าส่งผลกระทบอย่างแน่นอน แต่จะให้ประเมินตอนนี้อาจจะเร็วไปว่ากระทบมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าจะเห็นผลชัดเจนคือช่วงไตรมาส 2สำหรับไทยผลกระทบอาจจะได้รับทางอ้อมเนื่องจากว่าไทยทำการซื้อขายกับรัสเซียน้อยแต่ในกรณีที่ชาติตะวันตกที่มีการซื้อขายกับรัสเซียเชื่อว่าได้รับผลกระทบโดยตรง เช่นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น จะทำให้ซื้อการซื้อขายลำบากมากขึ้น แต่ทั้งนี้ อาจจะต้องรอติดตามผลกระทบอีกครั้ง แต่สิ่งที่เห็นผลในตอนนี้ คือ ค่าเงินรูเบิล ได้อ่อนค่าลง”