นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค.) มีมูลค่ารวม 76,312.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.40% นับเป็นมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงทื่สุดในรอบ 6 ปี และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ์สูงถึง 78.17%
โดยตลาดที่มีการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อาเซียน มูลค่า 26,280.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 35.91% 2 จีน มูลค่า 25,327.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 33.61% ออสเตรเลีย มูลค่า 8,474.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แยกเป็น FTA ไทย-ออสเตรเลีย 6,157.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 23.19% และ FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ 2,316.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 16.49% ญี่ปุ่น มูลค่า 7,045.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสินค้า 5 อันดับแรก ที่มีการใช้สิทธิ์ FTA สูงสุด ได้แก่ 1.รถยนต์ขนส่งของน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน 2.ทุเรียนสด 3.รถยนต์ขนส่งบุคคลความจุกระบอกสูบเกิน 2,500 ลบ.ซม. 4.ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ธรรมชาติ และ 5.เนื้อไก่และเครื่องในไก่
ส่วนการใช้สิทธิ์ FTA ในการนำเข้าสินค้า ปี 2564 มีมูลค่า 44,871.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.51% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 25.63% โดยมีการนำเข้าจากจีนสูงสุด มูลค่า 18,528.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมา คือ อาเซียน และญี่ปุ่น
ส่วนการต่ออายุโครงการ GSP ของสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดโครงการฯ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2563 ขณะนี้รัฐสภาสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่ออายุโครงการ โดยคาดว่าจะได้รับการผ่านความเห็นชอบในเร็ว ๆ นี้ โดยในการต่ออายุโครงการ GSP มีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐฯ จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการพิจารณาประเทศที่จะได้รับสิทธิ GSP ให้สะท้อนกับประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ เช่น ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ด้านแรงงาน เป็นต้น ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น