นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานมีการติดตามดูแลอำนวยความสะดวกแก่แรงงานไทยที่ประสบปัญหาความไม่สงบจากภัยสงครามที่ประเทศยูเครน จนต้องทยอยเดินทางกลับประเทศไทยให้ได้รับความสะดวกและรับเงินช่วยเหลือสำหรับสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดการเป็นสมาชิกกองทุน เนื่องจากภัยสงคราม ตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยกิจการที่จะใช้จ่ายเงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ
โดยวันนี้ (วันที่ 5 มีนาคม 2565) จะมีแรงงานไทยเดินทางกลับประเทศไทย จำนวน 2 ชุด ชุดแรก จำนวน 16 คน ทั้งหมดเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งเดินทางโดยเครื่องบินสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 971 ออกจากกรุงบูคาเรสต์มาถึงประเทศไทยเวลา 06.25 น. ส่วนคนไทยชุดที่สอง จำนวน 45 คน ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกกองทุนฯ จำนวน 38 คน เดินทางโดยเครื่องบินสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 384 ออกจากกรุงวอร์ซอมาถึงประเทศไทยเวลา 12.05 น. ในวันนี้เช่นกัน
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการส่งรายได้กลับสู่ประเทศ
สำหรับแรงงานไทยที่ประสบปัญหาภัยสงครามที่ประเทศยูเครน ท่านนายกฯห่วงใยและติดตามความคืบหน้าด้านการให้ความช่วยเหลือกลับประเทศไทย และการเยียวยาอย่างใกล้ชิด ซึ่งในส่วนสมาชิกกองทุนฯ อธิบดีกรมการจัดหางานติดตามดูแลอยู่ วันนี้หลังทราบผลการตรวจหาเชื้อโควิด- 19 แล้ว จะมีกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ฝ่ายกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศรับหน้าที่ชี้แจงเรื่องสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ ให้แก่แรงงานไทยทราบ พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือแก่แรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ รายละ 15,000 บาท โดยตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา มีแรงงานทยอยเดินทางกลับประเทศไทย 5 ชุด จำนวน 197 คน เป็นสมาชิกกองทุนฯ 154 คน คิดเป็นยอดเงินสงเคราะห์จากกองทุนฯ ทั้งสิ้น 2,310,000 บาท สำหรับแรงงานไทยที่เดินทางมาในวันนี้เป็นแรงงานชุดที่ 4 และ 5 รวม 61 คน เป็นสมาชิกกองทุนฯ 54 คน
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ฝากถึงแรงงานไทยทุกคนที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เห็นถึงความสำคัญในการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ก่อนการเดินทางออกไปทำงานในต่างประเทศ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิด หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ แรงงานไทยจะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ที่กฎหมายกำหนด สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากกองทุนฯมี ดังนี้
1. กรณีถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นให้สมาชิกได้เดินทางกลับประเทศไทยตามที่จ่ายจริง ได้แก่ ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นโดยให้จ่ายตามที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท
2. กรณีประสบอันตรายก่อนไปทำงานหรือขณะทำงานในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท
3. กรณีถูกเลิกจ้างจากสาเหตุประสบอันตราย สงเคราะห์คนละ 15,000 บาท
4. กรณีประสบอันตรายจนพิการสงเคราะห์คนละ 15,000 บาท ทุพพลภาพ สงเคราะห์คนละ 30,000 บาท
5. ประสบปัญหาในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น ตามที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 30,000 บาท
6. ถูกส่งกลับเนื่องจากเป็นโรคต้องห้าม กรณีทำงานไม่ถึงหกเดือน สงเคราะห์คนละ 25,000 บาท ทำงานมากกว่าหกเดือน สงเคราะห์ 15,000 บาท
7. กรณีประสบปัญหาจากภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด สงเคราะห์คนละ 15,000 บาท
8. กรณีเสียชีวิตก่อนเดินทางหรือขณะกลับมาพักที่ประเทศไทย สงเคราะห์จำนวน 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท
9. สมาชิกกองทุนถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดซึ่งมิใช่เกิดจากการกระทำโดยเจตนาในต่างประเทศ หรือเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำงาน ให้จ่ายเป็นค่าทนายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท