นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ระบุว่าได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 21 มีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65
ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.2565 ถึงวันที่ 3 มี.ค.2565 จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายชดเชยแล้ว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว
สำหรับการจ่ายส่วนต่าง
โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 12,548 ครัวเรือน
" โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน โดยเข้าเปลือกชนิดต่างๆความชื้นไม่เกิน 15% "
สำหรับเกษตรกรตามเป้าหมายที่ได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้ข้าวตามที่แจ้งนี้สามารถกดเบิกเงินจาก ธ.ก.ส.ในสัปดาห์หน้านี้ไม่เกินวันพุธ ส่วนโครงการประกันรายได้พืชชนิดอื่นเช่นข้าวโพด ปาล์มน้ำมันยางพารา และมันสำปะหลัง ไม่ต้องจ่ายส่วนต่างประกันรายได้เพราะราคาทะลุรายได้ที่ประกันไว้ขณะนี้
ทั้งนี้โครงการประกันรายได้เกษตรกรประสบความสำเร็จมาตลอดจนถึงปีที่ 3 ได้รับการการตอบรับจากเกษตรกรอย่างดีมากเพราะเป็นโครงการของรัฐที่เงินถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริงแต่ถ้าราคาพืชผลดีนักก็ไม่ต้องจ่ายงบประมาณแต่ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่เป็นไปตามหลักสากลแต่ใช้ทักษะการบริหารจัดการเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพ
" ทั้งนี้ต้องชื่นชมกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯและกรมส่งเสริมการเกษตรที่ร่วมมือกันอย่างดีมาตลอดรวมทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส.ที่ปฎิบัติภารกิจในนโยบายรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ รัฐบาลนี้ "