นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่าPChome ได้เปิดตัว PChome Thai ThaiShopping ณ เมืองไทเป ไต้หวันซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงผู้บริโภคไต้หวันได้โดยตรง โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องการขยายโอกาสในการส่งออกสินค้า Made in Thailand ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าสู่ตลาดไต้หวัน รวมถึงผู้ประกอบการที่ยังอยู่ระหว่างหาผู้นำเข้าในไต้หวันและต้องการทดลองตลาด
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เปิดตัวร้าน TOPTHAI STORE บน PChome จำหน่ายสินค้า BCG ของไทยสอดรับกับนโยบายการผลักดันเศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยการค้าออนไลน์ของกระทรวง ในการรุกตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับโลกการค้าในยุค New Normal โดยกรมฯ คาดหวังว่าการร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์จะสามารถการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดออนไลน์ของไต้หวันได้มากขึ้น
ด้านนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา กล่าวว่า PChome (https://www.pchome.co.th/tw) มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในไต้หวัน ปัจจุบันมีสินค้าไทยวางจำหน่ายอยู่กว่า 3,000 รายการ โดย PChome เห็นถึงศักยภาพของสินค้าในการขยายตลาดในไต้หวัน สินค้าไทยจึงเป็นสินค้าต่างชาติประเทศที่ 2 รองจากญี่ปุ่น
โดยสำนักงานฯ มีแผนจะร่วมกับ PChome ในการประชาสัมพันธ์สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากยิ่งขึ้นในไต้หวัน ในขณะเดียวกันมีแผนจะร่วมมือกับ PINKOI online marketplace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมงานคราฟท์และสินค้ามีดีไซน์จาก 18,000 แบรนด์ทั่วโลกจัดสัปดาห์สินค้าดีไซน์ของไทยในช่วงเดียวกับที่สำนักงานฯ จะนำสินค้าไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Creative Expo Taiwan ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน ในเดือนสิงหาคมนี้
ปัจจุบันมีสินค้าไทยวางขายอยู่บน PINKOI รวมกว่า 3,600 รายการแล้ว และสินค้าไทยเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจากสินค้าญี่ปุ่น เนื่องจากการออกแบบที่มีเอกลักษณ์และมีความเป็นสากล
“ตลาดไต้หวันเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีศักยภาพในการซื้อสูง ประกอบกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยการค้าปลีกออนไลน์ของไต้หวันในปี 2564 เติบโตร้อยละ 14.75 จากปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งชาวไต้หวันมีความชื่นชอบในสินค้าของไทยซึ่งได้อานิสงค์มาจากการที่ชาวไต้หวันนิยมมาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับสินค้าไทยในการขยายตัวเข้าสู่ตลาดไต้หวันต่อไป”