น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีนว่า รัฐบาลได้หารือกับทางจีนในหลายประเด็น โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาว
โดยเสนอให้มีการปิดตู้สินค้าที่ประเทศสปป.ลาว และส่งไปเมืองคุนหมิง ของประเทศจีน โดยไม่ต้องแวะตรวจที่ด่านโมฮ่าน เพื่อให้สามารถส่งทุเรียน และผลไม้เศรษฐกิจอื่น ๆ ทางรางได้ตั้งแต่เดือนมี.ค.นี้
ขณะเดียวกันยังเสนอขอให้ล้งไทยที่ผ่านกระบวนการอบรมหลักสูตร “ล้งปลอดโควิด-19” มี GMP Plus รับรอง ซึ่งอบรมไปแล้วกว่า 400 แห่ง สามารถผ่านด่านจีนได้โดยไม่ต้องเปิดทุกตู้
อีกทั้งยังได้เสนอให้มีการประชุมหารือกับประเทศจีน สปป.ลาว และเวียดนาม เพื่อตกลงมาตรการร่วมกันเรื่อง protocol ในการเปิด-ปิดด่านชายแดนต่าง ๆ พร้อมกันนี้ไทยยังได้ขอเสนอให้ด่านมี Green Lane สำหรับผลไม้ไทยเป็นการเฉพาะด้วย
ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมาการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนได้รับผลกระทบจากนโยบาย Zero-Covid ของจีน ที่มีการตรวจตราอย่างเข้มงวด ณ ด่านโหย่วอี้กวาน ผิงเสียง ตงซิง และโมฮ่าน ทำให้การจราจรติดขัด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ของทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้น
รัฐบาลได้บูรณาการการทำงานหลายกระทรวง พร้อมทั้งหารือฝ่ายจีนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขนส่งสินค้าไทยมีความคล่องตัว ไม่เกิดความเสียหาย และเร่งขยายตลาดสู่ประเทศตะวันออกกลางมากขึ้น มั่นใจปีนี้ส่งออกสินค้าเกษตรโตแน่นอน
“รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจต่อการแก้ปัญหาการส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปจีน นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด19 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้บูรณาการการทำงาน ประสานกับทางการจีนมาอย่างต่อเนื่อง และได้แก้ปัญหาข้อติดขัดที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ”
ล่าสุดด้วยการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทำให้การส่งออกผลไม้ในปี 2563 มีมูลค่า 91,000 ล้านบาท และปี 2564 เพิ่มเป็น 160,000 ล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียน มีสัดส่วนมากกว่าหนึ่งแสนล้านบาท
น.ส.รัชดา กล่าวว่า ขณะนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้มีมาตรการรองรับปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบปี 2565 ประกอบด้วย
ส่วนตลาดใหม่ที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯเร่งทำการตลาดอยู่คือ ตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย และสหสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งที่ผ่านมามีความต้องการผลไม้สดจากไทยจำนวนมากขึ้นและหลากหลายชนิด เช่น เงาะ มังคุด ลำใย มะม่วง ทุเรียน เป็นต้น
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า นอกจากการไปเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ที่จะนำไปสู่โอกาสทองการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรของไทยแล้ว
ล่าสุด การเจรจาหารือระหว่างรมว.เกษตรฯ กับรัฐมนตรีด้านการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ณ เมืองดูไบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังนำไปสู่การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอาหารอย่างแน่นอน ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณหมื่นกว่าล้านบาทต่อปี และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4.6%