ผู้สื่อข่าวรายงาน (16 มี.ค. 2565) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากเบตง ระหว่าง ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กับ นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank
สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทาง SME D Bank จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ เพื่อยกระดับพร้อมรับการเติบโตของการท่องเที่ยว ทั้งด้านเงินทุนผ่านโครงการสินเชื่อและร่วมลงทุน วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท เช่น “สินเชื่อ SMEs Re-Start” สำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และเกี่ยวเนื่อง เพื่อเสริมสภาพคล่องลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่าย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 5.5% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี พร้อมปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 2 ปี เป็นต้น ควบคู่กับการสนับสนุนความรู้แนะนำเข้าถึงแหล่งทุน และเชื่อมโยงหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ ในการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในท้องถิ่นต่อไป
ดร.ณพพงศ์ ธีระวร กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ มีความยินดียิ่งในความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของสถาบัน ในการมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นแบบครบวงจร และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นให้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พ่อค้า แม่ค้า รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการในพื้นที่เป้าหมายใน ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง และบริเวณโดยรอบทะเลสาบฮาลาบาลา ซึ่งทำให้เป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือน อ.เบตง ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนต่อปี และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการในท้องถิ่นเฉลี่ยรายละ 5,000 บาท เพื่อนำเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ถึง 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นอีกถึง 4 เท่า หรือกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจของ จ.ยะลา หรือ GPP (Gross Provincial Product) โตขึ้นถึง 2 เท่าตัว
“ศักยภาพของอำเภอเบตง เป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง รวมถึงมีหมอกตลอดทั้งปี อำเภอเบตงเป็นเมืองการค้าชายแดนและเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติ และระบบนิเวศ การสร้างเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้โดดเด่นและเกิดความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องอาศัยสิ่งดึงดูดเชิงอัตลักษณ์ของเบตง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรืออาหารพื้นถิ่น ที่เป็นอัตลักษณ์ ก็จะส่งผลทำให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น”
ทั้งนี้ความร่วมมือกับ SME D Bank ในวันนี้ จะมาช่วยเติมเต็มในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่เบตง และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถยกระดับมาตรฐาน ทั้งการผลิตและบริการ ให้มีความพร้อมสามารถรองรับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว สร้างประโยชน์ เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ด้าน นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า จากศักยภาพของ อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีจุดเด่น ชุมชนเข้มแข็งสามัคคี วัฒนธรรมท้องถิ่นโดดเด่น ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองสงบปลอดภัย มีเขตชายแดนติดเมืองเศรษฐกิจของมาเลเซีย ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์นิยมเข้ามาท่องเที่ยว และล่าสุด สนามบินเบตงเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว
ดังนั้น SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย และคณะกรรมการฯ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ อ.เบตง ยกระดับเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของท่องเที่ยวประจำภาคใต้ ผ่านมาตรการด้านการเงินและการพัฒนา เพื่อยกระดับพัฒนากิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ อ.เบตง และใกล้เคียง สร้างประโยชน์เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ที่ผ่านมา SME D Bank ดำเนินภารกิจของการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างหนึ่ง จับมือผู้ประกอบการธุรกิจ “แพ 500 ไร่” เข้าไปพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนพื้นที่เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สนับสนุนเงินทุนและความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการแพที่พัก ห้องพัก และปรับปรุงเรือโดยสาร เพิ่มความสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ช่วยให้เขื่อนเชี่ยวหลาน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดฮิต สร้างรายได้เพิ่มแก่ชุมชนโดยรวม ซึ่ง SME D Bank จะนำโมเดลความสำเร็จดังกล่าว มาปรับใช้เพื่อยกระดับพัฒนาการท่องเที่ยวเบตงต่อไป